SET ช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,620.76 จุด เพิ่มขึ้น 6.98 จุด (+0.43%) มูลค่าการซื้อขายราว 45,289 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังไม่ไปไหนและซึมลง เผชิญแรงขายทำกำไรกดดันหลังจากยังไม่มีปัจจัยบวกเข้ามา รวมทั้งเป็นช่วงประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ในไตรมาส 3/64 แต่ยังมีแรงซื้อกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และกลุ่มแบงก์เข้ามาหยุงได้บ้าง แนวโน้มช่วงบ่ายคาดตลาดยังผันผวน ให้แนวรับ 1,605 จุด แนวต้าน 1,620 จุด บวก/ลบ 5-7 จุด
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปิดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,620.76 จุด เพิ่มขึ้น 6.98 จุด (+0.43%) มูลค่าการซื้อขายราว 45,289 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวผันผวนทั้งแดนบวกและแดนลบ โดยทำระดับสูงสุด 1,621.69 จุด และระดับต่ำสุด 1,608.64 จุด
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีแรงขายทำกำไรสลับออกมากดดัน เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่ ขณะที่เข้าสู่ช่วงประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนเพิ่มมากขึ้นไปจนถึงสัปดาห์หน้า ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากการระบาดโควิด-19 ในไตรมาส 3/64 แม้ว่าไตรมาส 4/64 เชื่อว่าสถานการณ์จะดีขึ้น ทำให้ตลาดหุ้นเช้านี้ไม่ไปไหนและซึมลง แต่ช่วงท้ายชั่วโมงเทรดของภาคเช้ามีแรงซื้อกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และกลุ่มแบงก์เข้ามาหนุนดัชนี
นักวิเคราะห์ ระบุว่า ในช่วงระยะสั้นตลาดหุ้นไทยคงยังจะไม่มีปัจจัยบวกเข้ามาเพิ่มเติม ทำให้นักลงทุนหันไปลงทุนตลาดอื่น และตลาดคริปโทฯ ซึ่งแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้คาดว่าตลาดยังผันผวน
ให้แนวรับไว้ที่ 1,605 จุด แนวต้านที่ 1,620 จุด บวก/ลบ 5-7 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
SCB มูลค่าการซื้อขาย 3,511.88 ล้านบาท ปิดที่ 129.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,927.21 ล้านบาท ปิดที่ 142.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
KCE มูลค่าการซื้อขาย 1,881.38 ล้านบาท ปิดที่ 89.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,604.67 ล้านบาท ปิดที่ 11.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท
SCC มูลค่าการซื้อขาย 1,124.63 ล้านบาท ปิดที่ 393.00 บาท ลดลง 1.00 บาท