TTA จับมือ 2 พันธมิตรญี่ปุ่นเตรียมขึ้นโครงการคอนโดฯระดับไฮเอนด์บนถนนสาทร

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 3, 2021 11:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) ร่วมกับ บริษัท คันเดน เรียลตี้ แอนด์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (KRD) และบริษัท โทเร คอนสตรัคชั่น จำกัด (TCC) ซึ่งเป็นบริษัทก่อสร้างและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียงของประเทศญี่ปุ่น ได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในระยะยาว และจัดตั้งบริษัทร่วมทุน บริษัท พีเอ็มที พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะลงทุนร่วมกันในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับลักซ์ชัวรีในประเทศไทย

ข้อตกลงดังกล่าวสอดคล้องกับกลยุทธ์ระยะยาวของทั้งสามบริษัท โดยผสานรวมประสบการณ์อันยาวนานและกว้างไกลของ TTA ในด้านการลงทุนในสินทรัพย์ทั่วโลก เข้ากับส่วนแบ่งตลาดของ KRD ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก และความเชี่ยวชาญเฉพาะทางของ TCC ในธุรกิจการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์แบบบูรณาการ ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว TTA จะถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 60% ในบริษัท พีเอ็มที พร็อพเพอร์ตี้ฯ โดย KRD ถือหุ้น 30% และ TCC ถือหุ้น 10% ตามลำดับ

นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ TTA กล่าวว่า TTA มองหาพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อร่วมกันนำบริษัทก้าวขึ้นเป็นผู้นำเทรนด์ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หลังจากได้ที่ดินผืนงามบนถนนสาทรที่นับวันยิ่งจะหาได้ยากขึ้นทุกที TTA เล็งเห็นศักยภาพที่จะเพิ่มมูลค่าด้วยการพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยสุดหรู การเป็นพันธมิตรกับ KRD และ TCC จึงสอดคล้องกับเป้าหมายของบริษัทฯ นอกจากนี้ แต่ละบริษัทยังมีค่านิยม จรรยาบรรณทางธุรกิจ และที่สำคัญ มีวิสัยทัศน์ต่อการขยายโอกาสทางธุรกิจจากเครือข่ายของบริษัทในเครือเหมือนกันอีกด้วย

นางสาวอุษณา มหากิจศิริ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TTA เปิดเผยว่า ภายใต้ พีเอ็มที พร็อพเพอร์ตี้ มีเป้าหมายที่จะสร้างโครงการคอนโดมิเนียมแห่งแรกของบริษัทให้เป็นแลนมาร์คระดับลักซ์ชัวรีแห่งใหม่ในประเทศไทย แม้จะมีโครงการคอนโดมิเนียมในกรุงเทพมหานครเป็นจำนวนมาก และภาคอสังหาริมทรัพย์จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ก็ตาม แต่ทำเลสาทรถือเป็นย่านธุรกิจที่เฟื่องฟูของกรุงเทพฯ และยังได้รับความสนใจและเป็นที่ต้องการอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมาและที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เนื่องจากเป็นทำเลที่สำคัญ มีไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย การคมนาคมสะดวกเชื่อมต่อด้วยรถไฟฟ้า

"ด้วยความรู้ความชำนาญของพันธมิตรจากญี่ปุ่นผนวกกับความได้เปรียบด้านทำเลที่ตั้งในภาคอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว บริษัทจึงมีความมั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อย่างแน่นอน บริษัทมุ่งมั่นที่จะตอบสนองความต้องการด้านไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนไปหลังช่วงโควิด-19 ด้วยการนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ และการออกแบบที่ทันสมัย ซึ่งจะช่วยสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีและประสบการณ์การอยู่อาศัยที่เหนือระดับให้แก่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเรา"นางสาวอุษณา กล่าว

ทั้งนี้ KRD มีประสบการณ์ในด้านการพัฒนาคอนโดมิเนียมและที่อยู่อาศัยในญี่ปุ่นด้วยแบรนด์เรือธง CIELIA ปัจจุบัน บริษัทมีการพัฒนาที่อยู่อาศัยประมาณ 50,000 ยูนิตทั่วประเทศญี่ปุ่น ส่วนในระดับโลก KRD มีความสนใจพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเพิ่งขยายธุรกิจเข้าไปยังสหรัฐอเมริกาและออสเตรเลีย

"ประเทศไทยเป็นประเทศที่ 3 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่บริษัทฯ สนใจเข้ามาขยายธุรกิจคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรต่อจากประเทศเวียดนามและประเทศอินโดนีเซีย การเริ่มต้นด้วยการร่วมทุนกับพันธมิตรในประเทศไทยครั้งนี้ บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นที่จะใช้ประโยชน์จากความรู้ความชำนาญด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในญี่ปุ่นมาสนับสนุนการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่นี่ บริษัทฯ เชื่อมั่นว่า ความร่วมกันทั้งสามฝ่ายระหว่าง TTA, TCC และ KRD จะสามารถสร้างเอกลักษณ์และคุณค่าใหม่ให้กับตลาดคอนโดมิเนียมในประเทศไทยได้" นายเคนอิจิ ฟูจิโนะ ประธานกรรมการ KRD

นายมาซาโนบุ คาโดกาวะ ประธานกรรมการ TCC เปิดเผยว่า จากประสบการณ์อันยาวนานหลายปีในประเทศไทย และความรู้ทางนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ด้านการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในประเทศญี่ปุ่น บริษัทเชื่อมั่นว่าจะสามารถแสดงคุณค่าของโครงการคอนโดมิเนียมที่จะพัฒนาขึ้นให้แก่ผู้ซื้อที่มีศักยภาพในประเทศไทยได้

นับตั้งแต่ปี 2515 จนถึงปัจจุบัน TCC ได้ส่งมอบห้องชุดรวมกว่า 29,000 ยูนิต ทั่วประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันบริษัทดำเนินธุรกิจก่อสร้างและธุรกิจการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบบูรณาการ ซึ่งรวมถึงการให้บริการเกี่ยวกับการก่อสร้างที่ครอบคลุมตั้งแต่การจัดซื้อที่ดิน การวางแผน ไปจนถึงการจัดการและบริการหลังการขาย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ