นายธวัชชัย พุฒิพิริยะ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ธนพิริยะ (TNP) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาสที่ 3/64 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายจำนวน 576.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 57.58 ล้านบาท คิดเป็น 11.10% โดยยอดขายสาขาเดิมเพิ่มขึ้น 3.5% และมีกำไรขั้นต้นจำนวน 99.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 13.79 ล้านบาท คิดเป็น 16.05%โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับร้อยละ 17.30
สำหรับงวด 9 เดือนปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายจำนวน 1,932.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนจำนวน 352.49 ล้านบาท คิดเป็น 22.31% การเพิ่มขึ้นของยอดขายส่วนหนึ่งมาจากมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนจากมาตรการของภาครัฐ โดยส่งผลให้ภาพรวมยอดขายสาขาเดิมเพิ่มขึ้นและการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องของบริษัทฯ ส่งผลให้ยอดขายรวมเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่มีกำไรขั้นต้นจำนวน 329.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 73.43 ล้านบาท คิดเป็น 28.65% โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 17.06% ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่ารายได้จากการขายส่งของสำนักงานใหญ่และการได้รับค่าสนับสนุนการขายจากผู้จำหน่ายซึ่งเป็นผลจากการที่บริษัทฯ มีการเติบโตของยอดขายอย่างต่อเนื่อง
ส่งผลให้ บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 37.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 7.74 ล้านบาท คิดเป็น 25.77% โดยมีอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 6.51% และสำหรับงวด 9 เดือน บริษัทฯ มีกำไรสุทธิเท่ากับ 138.72 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน จำนวน 48.99 ล้านบาท คิดเป็น 54.59% โดยมี อัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 7.13%
นางอมร พุฒิพิริยะ รองกรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า แนวโน้มช่วงโค้งสุดท้ายของปีที่เหลือ บริษัทฯ ยังเดินหน้าได้ตามแผน เร่งเดินหน้าเปิดสาขาให้ได้ครบตามกำหนดอีกจำนวน 2 สาขา โดยปีนี้ 64 ได้ขยายสาขามาแล้วทั้งหมด 4 สาขา เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนชาวเชียงราย เชียงใหม่ และพะเยา ให้ได้มีซุปเปอร์มาร์เก็ตในพื้นที่ชุมชนเพิ่มมากขึ้น เพื่อลดระยะการเดินทาง และเข้าถึงการซื้อของอุปโภคบริโภคได้อย่างสะดวกสบาย คาดว่าอีก 2 เดือนที่เหลือก่อนหมดปี จะเห็นทิศทางบวกที่พุ่งขึ้นกว่าเดิมหลังเปิดประเทศ เศรษฐกิจเดินหน้าได้ต่อ
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังเตรียมแผนรุกตลาดแพลตฟอร์มออนไลน์ และการเดลิเวอร์รี่เพื่อให้เป็นร้านสะดวกซื้อที่เข้าถึงได้อย่างครบวงจร โดยยังคงเป้าเติบโตอยู่ที่ 15-20%