นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลท.เตรียมออกโปรดักส์ใหม่ เพื่อตอบโจทย์การลงทุนของนักลงทุนมากขึ้น และขยายการซื้อขายมากกว่าอยู่ภายในประเทศ เช่น โปรดักส์ที่ช่วยให้สามารถลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ ได้ทั่วโลก อย่างการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักของโลก ทั้งตลาดหุ้นสหรัฐ อังกฤษ ญี่ปุ่น และจีน เป็นต้น และโปรดักส์ที่จะช่วยให้นักลงทุนสามารถเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ได้ง่ายขึ้นผ่านระบบออนไลน์ Settrade Streaming คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงต้นปี 65
"เราคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ปัจจุบันนักลงทุนได้ให้ความสนใจกับการลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ เช่น ตลาดคริปโทเคอเรนซี หรือแม้การลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ หรือ FIF ที่มีการลงทุนที่เพิ่มสูงขึ้นในปีเดียว ซึ่งในอนาคตตลาดหลักทรัพย์ ก็มีแผนที่จะเชื่อมต่อตลาดหลักทรัพย์ไทยให้เข้ากับตลาดอื่นๆ เช่น สามารถลงทุนในสินทรัพย์ได้ทั่วโลก หรือช่วยให้นักลงทุนเปิดบัญชีได้ง่ายขึ้น ผ่านระบบออนไลน์ที่มีอยู่ ทำให้คล้ายกับตลาดคริปโทเคอเรนซี" นายภากร กล่าว
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในปี 65 มองว่ากลุ่มที่น่าจะปรับตัวขึ้นได้ คือ กลุ่มทรัพยากร (Resource) และสินค้าอุปโภคบริโภค (Consumption) หลังตลาดหุ้นไทยใน 10 เดือนแรกของปี 64 ได้แรงหนุนเกือบทุกอุตสาหกรรมที่ปรับตัวขึ้น โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 63 ได้แก่ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มบริการ กลุ่มการเงิน และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์
อย่างไรก็ตาม นายภากร กล่าวว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในปีหน้า ยังไม่แน่ใจว่าจะเห็นการฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่หรือไม่ เนื่องจากราคาพลังงานอยู่ในระดับสูงและยังมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อต้นทุนของภาคธุรกิจเกือบทุกกลุ่ม จึงยังต้องติดตามสถานการณ์ราคาพลังงานอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และสภาพคล่องของโลกที่จะปรับลดลง
ส่วนการระดมทุนของบริษัทจดทะเบียนใหม่ผ่านการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) และนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในปีหน้า มองว่าจะยังมีต่อเนื่อง โดยเฉพาะในบริษัทขนาดเล็กที่จะเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นมากขึ้น