โบรกฯมองต่างมุมหุ้น THAI ชี้ Cabin Factor โตดี-น้ำมันพุ่งกระทบช่วงสั้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 1, 2007 16:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

         โบรกฯส่วนใหญ่แนะซื้อลงทุนหุ้นบมจ.การบินไทย(THAI)มองอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสาร(Cabin Factor) ที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ส่งผลให้การดำเนินงานเติบโตดี ขณะที่ราคาหุ้นยังไม่สะท้อนปัจจัยบวกจากการเติบโตของกำไรปี 50-51 แต่ถูกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นไปทะลุ 90 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทำให้ราคาหุ้นเทรดต่ำกว่า BV ที่อยู่ในระดับ 41-42 บาท เชิงปัจจัยพื้นฐานยังน่าลงทุน แต่เชิงกลยุทธ์ให้หลีกเลี่ยงไปก่อน 
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท)
บล.เกียรตินาคิน ซื้อลงทุน 55.00
บล.กรุงศรีอยุธยา ซื้อ 48.00
บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ทยอยสะสม 44.00
บล.นครหลวงไทย หลีกเลี่ยง กำลังปรับ(เดิม 57)
นายเบญจพล สุทธิ์วณิช เจ้าหน้าที่อาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคิน กล่าวว่า หุ้น THAI ในแง่ปัจจัยพื้นฐานถือว่าน่าสนใจจาก Cabin Factor ที่เติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง ถึงแม้ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นมีผลต่อ THAI พอสมควร แต่คงไม่ได้รับผลกระทบเต็มที่ เพราะคาดว่าจะมีการปรับค่าธรรมเนียมน้ำมันขึ้นมาได้ ซึ่งจะช่วยค่าใช้จ่ายน้ำมันได้ประมาณ 70-80%
"ราคาน้ำมันเพิ่งจะมา peak ไตรมาสนี้โดยเฉลี่ยน่าจะใกล้เคียงปีก่อน แต่ในส่วนของวอลุ่มน้ำมันที่ใช้โดยรวมเพิ่มขึ้นเพราะมีเครื่องบินเพิ่มขึ้น และ Cabin Factor ที่เพิ่มขึ้นบอกถึงจำนวนเที่ยวบินที่มากขึ้น ซึ่งต้องใช้น้ำมันมากขึ้นถ้าเทียบเป็นตัวเงิน cost อาจจะเพิ่มขึ้นตาม Cabin Factor ปัจจัยหลักอยู่ที่ 2 ตัวคือในส่วนของค่าใช้จ่ายลดได้หรือเปล่า จากราคาน้ำมัน และค่าใช้จ่ายในภายในองค์กร และปีหน้ามอง Cabin Factor ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี" นายเบญจพล กล่าว
ที่ผ่านมา Cabin Factor ปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมาก ในแง่ของการดำเนินงานปกติปีนี้มี growth จากปีที่แล้ว แนวโน้มปีหน้ายังโตได้โดยรวมธุรกิจสายการบิน ฉะนั้น ราคาซื้อขายปัจจุบันเทรดที่ประมาณ 39.50 บาท ซึ่งเห็นควรราคาหุ้นควรจะสูงมากกว่ามูลค่าทางบัญชี(BV)ซึ่งอยู่ที่ 41-42 บาท/หุ้น
จึงยังแนะนำซื้อลงทุนให้ราคาเป้าหมายที่ 55 บาท ถึงแม้ราคาน้ำมันยังเป็นปัจจัยกดดันแต่ทั้งนี้ก็คาดว่าผลการดำเนินงานก็ยังเติบโตได้ดี โดยคาดว่าผลประกอบการปี 50 โตกว่าปีก่อน
ด้านน.ส.มยุรี โชวิกรานต์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์การลงทุน บล.นครหลวงไทย ให้ความเห็นว่าราคาหุ้น THAI ถูกผลกระทบจากราคาน้ำมันแน่นอนในแง่เชิงกลยุทธ์แนะหลีกเลี่ยงไปก่อน ถึงแม้ในแง่ราคาปัจจัยพื้นฐานยังมี upside ค่อนข้างมาก
"ไม่แนะนำเทรดดิ้ง โดยราคาพื้นฐานเดิมอยู่ที่ 57.00 บาท แต่คงต้องมีการ Earnings Revision ลงเพราะด้วยราคาตรงนี้ไม่ได้สะท้อนถึงราคาน้ำมันที่ขยับขึ้นไปค่อนข้างเยอะ ส่วนค่าเงินบาทตอนนี้ไม่มีผลเพราะไตรมาสก่อนก็อยู่ที่ 34 บาท/ดอลลาร์ แต่มีผลในแง่ของราคาน้ำมันที่เป็นต้นทุนหลักมากกว่าและราคาน้ำมัน Jet Oil ตอนนี้อยู่ที่ 100 กว่าเหรียญฯแล้วค่อนข้างจะแพง"น.ส.มยุรี กล่าว
บทวิเคราะห์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) คาดผลประกอบการไตรมาส 4/50 (งวด ก.ค. — ก.ย. 50) จะขาดทุนสุทธิ 2.6 พันล้านบาท โดยคาดว่าจะบันทึกขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนราว 3 พันล้านบาท เนื่องจากมีหนี้สินเป็นสกุลยูโรราว 50% และ สกุลเยน 15% ซึ่งค่าเงินทั้ง 2 สกุลแข็งค่าขึ้นมากในช่วงที่ผ่านมา
แต่หากไม่รวมรายการดังกล่าว THAI จะยังมีกำไรปกติที่ 398 ล้านบาท (0.23 บาท/หุ้น) ดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนถึง 4.1 พันล้านบาท กำไรปกติดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาน้ำมันต่ำลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นช่วยทำให้ต้นทุนค่าน้ำมันลดลง ในไตรมาส 4 คาดว่าอัตราการขนส่งผู้โดยสารยังอยู่ในระดับสูงที่ 79% รวมถึงมีการปรับเพิ่มค่าตั๋วเครื่องบินในบางเส้นทางคืออเมริกาและ ออสเตรเลีย
ทั้งนี้ คาดว่าจะมีกำไรปกติปี 2549/50 (ต.ค.49—ก.ย.50) ที่ 3,804 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนกำไรปกติเพียง 718 ล้านบาท และเมื่อรวมกำไรจากการขายเครื่องบินและกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนอีก 1,833 ล้านบาท จะมีกำไรสุทธิที่ 5,637 ล้านบาท ลดลง 37% จากปีก่อน เพราะปีที่ผ่านมาบริษัทมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนถึง 6.1 พันล้านบาท บริษัทฯจะมีการปรับรอบปีบัญชีให้เป็นตามปีปฎิทิน โดยจะเริ่มต้นมกราคมปีหน้า ซึ่งคาดว่าจะไม่มีผลต่อการจ่ายเงินปันผลแต่อย่างใด
ประเมินมูลค่าหุ้นโดยอ้างอิงวิธีคิดลดกระแสเงินสดจะได้มูลค่าเหมาะสมที่ 44 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายถูกโดยต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี แต่เชื่อว่าอาจจะยังถูกกดดันต่อไปจากราคาน้ำมันที่ยังคงสูงขึ้นในช่วงนี้ ดังนั้นเราจึงปรับคำแนะนำเป็น ทยอยสะสม สำหรับนักลงทุนระยะยาว แม้น้ำมันจะพุ่งสูงแต่คาดว่าจะกระทบแค่ช่วงสั้น
บล.กรุงศรีอยุธยา คาดว่าผลประกอบการ 4Q50 ของ THAI จะมีกำไรปกติ 2,294 ล้านบาทฟื้นตัวขึ้นมากเมื่อเทียบกับที่ขาดทุนปกติ 1,348 ล้านบาทในไตรมาสก่อน จากการเติบโตของรายได้อันเกิดจากอัตราขนส่งผู้โดยสารที่คาดว่าจะสูงถึง 80% เทียบกับ 75% ในไตรมาสก่อนและค่าใช้จ่ายดำเนินงานด้านค่าซ่อมแซมลดลง อย่างไรก็ตาม ผลกระทบจากการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน (Unrealized FX Loss) ทำให้ในงวดนี้มีผลขาดทุนสุทธิ 706 ล้านบาท
ทั้งนี้ ยังคงประมาณการกำไรปี 50 ที่คาดว่าจะมีกำไรปกติ 6,075 ล้านบาท แต่ปรับกำไรสุทธิลดลงเป็น 7,621 ล้านบท ส่วนปี 51 ปรับประมาณการลดลง 10% เป็นกำไรปกติ 7,123 ล้านบาท (+17% YoY) โดยการปรับเพิ่มต้นทุนน้ำมันเครื่องบินจากเดิม 70 เหรียญ/บาร์เรล เป็น 75 เหรียญ/บาร์เรล
ราคาหุ้น THAI ยังคงถูกกดดันจากแนวโน้มราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยไม่สะท้อนปัจจัยบวกจากการเติบโตของกำไรในปี 50-51 เท่าที่ควร แม้ว่าบริษัทจะสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นจากการเติบโตของอัตราบรรทุกผู้โดยสาร และควบคุมค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆ ได้พอสมควร ราคาหุ้นลดลงมาที่ P/BV 1 เท่า ซึ่งเป็นแนวรับสำคัญหากพิจารณาจาก P/BV Band จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ" ประเมิน Fair Value ที่ 48 บาท อิง P/CF 3.5 เท่าซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยในอดีต

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ