นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ บมจ.การบินไทย (THAI) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์" โดยปฏิเสธกระแสข่าวที่ระบุว่าการที่คณะผู้บริหารแผนฯ เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจวานนี้เพื่อเสนอปรับแผนฟื้นฟูกิจการ THAI ด้วยการเพิ่มประเด็นการเสนอให้เจ้าหนี้ปรับลดหนี้ หรือ แฮร์คัท
นายปิยสวัสดิ์ กล่าวว่า คณะผู้บริหารแผนฯ เพียงได้เข้าไปรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูกิจการที่ได้ผ่านความเห็นชอบของศาลล้มละลายกลางและคณะเจ้าหนี้ให้นายกรัฐมนตรีและผู้เกี่ยวข้องได้รับทราบ โดยยืนยันแนวทางสำคัญคือการหาเงินเพิ่มสภาพคล่องของบริษัทรวม 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่ง 2.5 หมื่นล้านบาทจะมาจากการสนับสนุนของภาครัฐ และอีก 2.5 หมื่นล้านบาทจะเป็นเงินกู้จากสถาบันการเงินเอกชน
คณะผู้บริหารแผนฯ เชื่อว่าเงินกู้ก้อนใหม่ที่จะได้จากธนาคารเอกชน 2.5 หมื่นล้านบาท เพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจให้ฟื้นตัวขึ้น โดยไม่ได้มีเงื่อนไขว่าจะต้องให้ภาครัฐเป็นผู้ค้ำประกันหนี้ หรือจะต้องรอให้มีการใส่เงินในส่วนของภาครัฐเข้ามาก่อน
อย่างไรก็ตาม วานนี้ทางบริษัทได้แจ้งให้ทางรัฐบาลทราบว่ายังรอการตัดสินใจในการสนับสนุนเงินก้อนดังกล่าวอยู่ เพราะจะทำให้สถานะของบริษัทดีขึ้น และหากไม่ได้เงินเพิ่มทุนในส่วนนี้เข้ามาก็จะมีผลทำให้บริษัทต้องปรับแผนฟื้นฟูฯ ใหม่ และจะต้องมีการประชุมเจ้าหนี้เพื่อรับทราบการปรับแผนฯด้วย
"เมื่อวานแจ้งให้รับทราบ แต่เขาก็ไปคิดดู ที่ผ่านมารัฐไม่ให้การสนับสนุน ไม่ค้ำประกัน ถ้าอย่างนั้นก็หมดสิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนในราคา 2.54 บาท จากพาร์ 10 บาท ผมว่าเป็นราคาที่ดี คนที่ไม่ได้ซื้อก็เสียโอกาส ...รมว.คลังก็รับจะไปดูรายละเอียด แต่ก็ไม่อยากให้ช้า กระทรวงการคลังจะเป็นคนตัดสินใจ"ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ THAI กล่าว
อนึ่ง ปัจจุบัน กระทรวงคลัง ถือหุ้น THAI 49% หากรวมกับที่กองทุนวายุภักษ์ และธนาคารออมสินถือจะรวมเป็น 67% แต่ไม่ได้มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ ซึ่งโครงสร้างการถือหุ้นก็คล้ายกับที่รัฐเข้าถือ บมจ.ปตท (PTT) และ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT)