นายสมชาย งามกิจเจริญลาภ รองประธานกรรมการบริหาร บมจ.เอส เอ็น ซี ฟอร์เมอร์ (SNC) เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดรายได้ปีนี้จะเติบโตมากกว่า 50% จากเป้าหมายเดิมที่คาดโต 25% เนื่องจากรายได้รวม 9 เดือนแรกเติบโตได้ถึง 50% เกินกว่าเป้าแล้ว ซึ่งเป็นครั้งแรกที่บริษัทมีรายได้แตะ 10,746 ล้านบาท โดยได้ปัจจัยหนุนมาจากกลุ่มงาน OEM ที่มีสัดส่วนมากถึง 69% ซึ่งมีคำสั่งซื้อกลุ่มชิ้นส่วนโทรทัศน์เพิ่มขึ้น และการปรับราคาขายผลิตภัณฑ์กลุ่ม Toolbox รวมถึงค่าเงินบาทในไตรมาส 3/64 อ่อนค่าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/64 คาดว่าจะเติบโตได้ดีกว่าไตรมาส 3/64 และช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากไตรมาสก่อนหน้าเป็นช่วงของโลซีซั่น แต่ในไตรมาสนี้จะเข้าสู่ฤดูกาลใหม่ หรือไฮซีซั่น ทำให้ปกติคำสั่งซื้อจะเข้ามาเพิ่มมากขึ้น ตามการเติบโตของอุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น โทรทัศน์ และรถยนต์ เป็นต้น
สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมที่บริษัทมีส่วนเกี่ยวข้องในปีนี้ ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ คาดว่าจะเติบโตกว่า 10% หรือมาอยู่ที่ 23.1 ล้านเครื่อง เมื่อเทียบกับปีก่อนที่อยู่ที่ 21 ล้านเครื่อง ซึ่งในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาทำได้แล้ว 19 ล้านเครื่อง จากตลาดส่งออกเป็นหลัก, อุตสาหกรรมรถยนต์ ปีนี้คาดยอดการผลิตจะเติบโตมาที่ 1.7 ล้านคัน จากปีก่อนอยู่ที่ 1.4 ล้านคัน โดย 9 เดือนที่ผ่านมาทำได้แล้ว 1.21 ล้านคันสูงกว่าทั้งปีก่อนไปแล้ว, อุตสาหกรรมเครื่องซักผ้าปีนี้คาดเติบโตได้ 9.4% มาอยู่ที่ 7 ล้านตู้ จากปีก่อนทำได้ 6.4 ล้านตู้ และอุตสาหกรรมการผลิตตู้เย็น คาดปีนี้เติบโต 8.6% มาที่ 8.8 ล้านตู้ จากปีก่อน 8.1 ล้านตู้
นายสมชาย กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะขยายการผลิตในส่วนของ OEM เพิ่มขึ้น ทั้งอาคารโรงงาน คลังสินค้า และสายการผลิต เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เข้ามาเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า กำลังการผลิตของเครื่องปรับอากาศจะเพิ่มเป็น 3 ล้านเครื่อง จากปัจจุบันอยู่ที่ 2 ล้านเครื่อง ซึ่งบริษัทมีอัตราการผลิตอยู่ที่ 80% ของกำลังผลิตแล้ว และในปีถัดไปก็มีแผนเพิ่มสายการผลิตเป็น 4 ล้านเครื่อง ส่วนของโทรทัศน์ ก็จะมีการเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นมาด้วยเช่นกัน จาก 3 แสนเครื่องในปีนี้ เป็น 3.5 แสนเครื่องในปีหน้า เพื่อให้สอดคล้องกับดีมานด์ลูกค้า รวมถึงเพิ่มกำลังการผลิตตู้เย็น จาก 1 แสนตู้ เป็น 2 แสนตู้ในปีหน้า อีกทั้งก็มองโอกาสในการขยายไลน์การผลิตไปสู่เครื่องซักผ้าด้วยในอนาคต คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในปี 65
ทั้งนี้เป้าหมายการดำเนินงานในปี 65 ปัจจุบันบริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการวางแผนธุรกิจ โดยเบื้องต้นคาดว่าผลการดำเนินงานก็จะเติบโตกว่าปีนี้ แต่ในเชิงเปอร์เซ็นต์อาจจะชะลอลง ประกอบกับ จะมีการใช้เงินลงทุนลดลงเมื่อเทียบกับปีนี้ หรือวางไว้ราว 500 ล้านบาท เพื่อขยายสายการผลิตอีกบางส่วน เนื่องจากในปีนี้บริษัทใช้เงินไปค่อนข้างมากแล้วในส่วนของการลงทุนที่สำคัญๆ