นายดีลิป กุมาร์ อากาวาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) เปิดเผยว่า บริษัทคาดผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/64 มีแนวโน้มดีขึ้น ตามความต้องการสินค้าของบริษัทที่อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมากในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้ ธุรกิจ Combined PET มองว่าห่วงโซ่อุปทานอาจจะยังได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนสาธารณูปโภคด้านการขนส่ง จากผู้ผลิตไปสู่ผู้บริโภค และค่าขนส่งที่อยู่ในระดับสูง ทำให้ราคาซื้อขาย PET สูงขึ้น แต่บริษัทคาดการณ์ว่าจะเห็นอุปสงค์ที่แข็งแกร่งเนื่องจากคุณสมบัติของ PET ที่หมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ได้และมี Carbon Footprint ที่ต่ำ ลูกค้าจึงมีความพึงพอใจ ทำให้ PET เป็นวัสดุที่เป็นที่ต้องการอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งปริมาณสินค้าคงเหลือที่อยู่ในระดับต่ำ และอัตรากำไรที่สูงในตลาดตะวันตก จึงเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มธุรกิจ Combined PET
ส่วนราคาพลังงานในตลาดโลกที่อยู่ในระดับสูงจะได้รับการชดเชยบางส่วนจากการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มในไตรมาส 4 นี้
ธุรกิจ Integrated Oxides and Derivatives (IOD) บริษัทจะได้รับปัจจัยบวกจากการเริ่มดำเนินงานของ Lake Charles Gas Cracker (IVOL) ซึ่งจะเข้ามาสร้างผลกำไรตั้งแต่ไตรมาส 4/64 เป็นต้นไป รวมถึงยังมีข้อได้เปรียบด้านต้นทุนการผลิตที่ใช้ Shale gas, ราคา MTBE ที่มีแนวโน้มดีขึ้น จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในละตินอเมริกา แต่อย่างไรก็ตามบริษัทคาดว่าราคาบิวเทนจะยังคงอยู่ในระดับสูงตลอดช่วงฤดูหนาว ซึ่งจะยังเป็นปัจจัยกดดันต่ออัตรากำไรของ MTBE ส่วนราคาและกำไรจาก MEG คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น จากภาวะตึงตัวจากนโยบายของประเทศจีน
ธุรกิจ Fibers การขาดแคลน semiconductor ทั่วโลกจะส่งผลต่ออุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ ทำให้การผลิตยานยนต์ใหม่ถูกจำกัด จึงมีผลกระทบต่อปริมาณความต้องการของผลิตภัณฑ์ Mobility ในการผลิตอุปกรณ์นิรภัยในรถยนต์ เช่น ถุงลมนิรภัย รวมถึง ความต้องการใช้ไฟเบอร์ในยางรถยนต์ก็ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามยังมีความต้องการยางรถยนต์เพื่อเปลี่ยนแทน ของเดิมจะมีมากขึ้น
ส่วนปริมาณการขายและอัตรากำไรของผลิตภัณฑ์ Lifestyle คาดจะเพิ่มขึ้นจากการผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 และความต้องการที่เพิ่มขึ้นทั้งภูมิภาคเอเชีย ทั้งนี้ นโยบายของประเทศจีนที่ปรับลดซัพพลายในตลาดจะเป็นปัจจัยหนุนต่อ Polyester Fibers รวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์ Hygiene Fibers จะได้รับประโยชน์จากการส่งผ่านราคาที่ล่าช้า
สำหรับภาพรวมทั้งปี 64 บริษัทฯ คาดว่าผลการดำเนินงาน ทั้งรายได้และกำไรสุทธิจะเติบโตทำสิถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) หลัง 9 เดือนที่ผ่านมา เติบโตกว่าปีก่อนไปแล้ว โดยมีรายได้อยู่ที่ 339,848.60 ล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 20,896.49 ล้านบาท จากปีก่อนทั้งปีอยู่ที่ 336,542.78 ล้านบาท และ 2,414.28 ล้านบาท ตามลำดับ
นายดีลิป กุมาร์ อากาวาล ก่าวว่า สัหรับทิศทางในปี 65 เบื้องต้นบริษัทคาดว่าจะสามารถเติบโตได้ต่อเนื่องจากปีนี้ จากความต้องการสินค้าในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้น อีกทั้งธุรกิจ IOD จะได้ปัจจัยหนุนจากการซื้อกิจการ Oxiteno S.A. Industria e Comercio ในประเทศบราซิล มูลค่าลงทุนราว 1.3-1.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่าจะสามารถปิดดีลซื้อกิจการดังกล่าวได้ในช่วงไตรมาส 1/65 ซึ่งจะทำให้ IVL มีธุรกิจที่เป็นเอกลักษณ์ในอุตสาหกรรมสารลดแรงตึงผิวมูลค่าเพิ่ม อีกทั้งยังช่วยขยายกลุ่มธุรกิจ IOD ที่ดำเนินการอยู่อย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ ธุรกิจ Fibers บริษัทก็มีแผนขยายตลาดของ hygiene fibers ภายใต้โครงการ Gemini ในประเทศสหรัฐอเมริกาที่จะเริ่มดำเนินการภายในสิ้นปีนี้ และการลงทุนเพิ่มในกลุ่มธุรกิจ hygiene fibers ในตลาดที่มีการเติบโต รวมทั้งจะมีการย้ายฐานการผลิตแห่งหนึ่งไปตั้งอยู่ในประเทศอินเดีย คาดว่าจะเริ่มดำเนินการในไตรมาส 1/65 และจะมีการขยายฐานการผลิตไปยังประเทศรัสเซียในช่วงกลางปี 66 ด้วย