(เพิ่มเติม) SPALI เตรียมปรับขึ้นราคาขายโครงการใหม่ 2-3% ตามต้นทุนในปี 51

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 12, 2007 17:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายอธิป พีชานนท์ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ศุภาลัย(SPALI)  กล่าวว่า ในปีหน้าบริษัทมีแนวโน้มจะปรับราคาขาย
บ้าน ทาวน์เฮ้าส์ และ คอนโดมิเนียม ในโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวตามแผนงาน ตามราคาต้นทุนค่าก่อสร้างที่สูงขึ้นราคาน้ำมัน โดยจะเริ่มปรับขึ้นในอัตรา 2-3%
"ตั้งแต่ต้นปี 50 จนถึงปัจจุบันต้นทุนการก่อสร้างปรับขึ้นมา 10% แล้ว และหากราคาน้ำมันยังปรับตัวสูงขึ้นไปต่อคงจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงการปรับราคาขายขึ้นได้"นายอธิป กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในปี 51 บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโตไม่น้อยกว่า 10% จากปีนี้ที่มียอดขายประมาณ 8.8 พันล้านบาท โดยขณะนี้บริษัทมียอดขายแล้ว 7.3 พันล้านบาท ขณะที่เชื่อว่าจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ในปีนี้ไว้ที่ 40% ซึ่งเป็นระดับเดียวกับไตรมาส 3/50 ซึ่งลดลงจากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 43% จากต้นทุนที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น
และในไตรมาส 4/50 เชื่อว่าจะทำยอดขายได้ประมาณ 1.5 พันล้านบาท ซึ่งจะมาจากยอดขายในโครงการศุภาลัย คาซา ริวา และโครงการศุภาลัย ปาร์ค แยกเกษตร นอกจากนี้ยังมียอดขายรอโอนจากโครงการเดิมประมาณ 300 กว่ายูนิต หรือคิดเป็นมูลค่าราว 1.7 พันล้านบาท
นายอธิป กล่าวว่า บริษัทจะรับรู้รายได้จากงานในมือ(backlog) ราว 1,959 ล้านบาทในปีนี้ จาก backlog ทั้งหมดที่มี 8.9 พันล้านบาท โดยส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ฯ ในช่วงปี 51-53
"Backlog ดังกล่าวรองรับการเติบโตได้ใน 2 ปี"นายอธิป กล่าว
ทั้งนี้ ในปี 51 บริษัทจะมีปรับเปลี่ยนสัดส่วนรายได้จากบ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮ้าส์ลดเหลือ 50% และไปเพิ่มสัดส่วนจากโครงการคอนโดมิเนียม เป็น 50% จากปี 50 ที่มีรายได้จากคอนโดมิเนียม สัดส่วน 35% และ 65% จากบ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮ้าส์ ส่วนแผนงานในปีหน้า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินการ โดยเชื่อว่าประมาณกลางธ.ค.นี้ จะสามารถกำหนดแผน
บริษัทคาดว่าครึ่งหลัง ปี 50 จะจ่ายปันผลได้มากกว่างวดครึ่งปีแรกที่จ่ายไปแล้ว 0.12 บาท/หุ้น จากในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทมียอดขายที่เพิ่มขึ้น จึงทำให้ประเมินว่า สิ้นปีนี้จะสามารถจ่ายปันผลงวดปี 50 มากกว่าปีก่อนที่จ่ายเงินปันผลไป 0.27 บาท/หุ้น
นายอธิป ประเมินว่า อัตราดอกเบี้ยในปีหน้ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อปรับเพิ่มขึ้นราคาน้ำมันที่ยังทรงตัวในระดับสูง ขณะที่ปลายปีนี้มีแนวโน้มที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% เพื่อป้องกันการไหลออกของเงินทุน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ