นายโสภณ อิงค์ธเนศ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.ไอที ซิตี้ (IT) เปิดเผยว่า บริษัทคาดผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4/64 จะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเป็นช่วงไตรมาสที่ดีที่สุดของปี เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของการจำหน่ายสินค้าด้าน IT และการขายสมาร์ทโฟน ขณะเดียวกันสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น และได้คลายมาตรการปิดเมือง (Lockdown) ส่งผลให้หน้าร้านกลับมาเปิดให้บริการได้ตามปกติ
ทั้งปี 64 บริษัทตั้งมั่นใจว่ารายได้จะสามารถเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 20% จากปีก่อนที่บริษัทมีรายได้รวม 7,007.98 ล้านบาท โดยในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ทำรายได้แล้วที่ 6,141.14 ล้านบาท ขณะเดียวกันจากการบริหารต้นทุนค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพการขายได้ดีขึ้นทำให้คาดว่าจะสามารถรักษาระดับอัตรากำไรสุทธิสิ้นปีนี้ในระดับสูง โดยช่วง 9 เดือนแรกมีอัตรากำไรสุทธิที่ 6.98%
สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 65 บริษัทวางเป้าหมายการเติบโตของรายได้ไว้ไม่ต่ำกว่า 20% โดยคาดว่าจะได้รับปัจจัยหนุนหลักจากการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ในกลุ่ม IT เข้ามาอย่างต่อเนื่อง การขยายสาขา และมองหาโอกาสการลงทุนอื่นๆเพิ่มเติม ในขณะเดียวกันด้วยพฤติกรรมการซื้อสินค้าที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้บริษัทให้ความสนใจในการขยายช่องทางการขายผ่านออนไลน์เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะ e-Maketplaces เช่น JD central, Lazada และ Shopee เป็นต้น คาดว่าเข้ามาช่วยผลักดันให้ยอดขายจากออนไลน์เพิ่มเป็นมากกว่า 10% จากปัจจุบันที่ราว 7%
ทั้งนี้ บริษัทได้ตั้งเป้าหมายการขยายสาขาในปี 65 เพิ่มอีก 43 สาขา หรือเพิ่มขึ้นเป็น 440 สาขา ซึ่งแบ่งออกเป็นสาขา Stand alone จำนวน 10-15 สาขา และเป็นสาขาภายใต้แบรนด์ ACE และ it. รวมจำนวน 15 สาขา ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาลงทุนเพิ่มสาขา DTAC ใหม่ในรูปแบบ Stand alone ให้มากขึ้น รวมถึงวางแผนเพิ่มจำนวนสาขาที่เป็นแบบ Pop-up หรือ Booth ที่ตั้งอยู่นอกศูนย์การค้าอีกราว 30 สาขาอีกด้วย เพราะมองว่าจะเข้ามาช่วยกระจายความเสี่ยงจากการปิดสาขาในศูนย์การค้าในช่วงที่เกิดวิกฤตโควิด-19 ระบาดรุนแรงที่ผ่านมา
ขณะที่ ณ สิ้นปี 64 นี้บริษัทคาดว่าจะมีสาขาเปิดให้บริการทั้งหมด 397 สาขา เติบโตกว่า 11% จากปีก่อน แบ่งเป็น IT CITY จำนวน 110 สาขา, แบรนด์ CSC จำนวน 164 สาขา, แบรนด์อื่นๆ จำนวน 71 สาขา, DTAC shop จำนวน 36 สาขา และ แบรนด์ ACE และ it. รวมจำนวน 16 สาขา