นายโทนี่ เฟอร์นานเดส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มแอร์เอเชีย กล่าวว่า ธุรกิจการบินจะกลับมาตามเดิมจากสถานการณ์การระบาดโควิดขึ้นกับการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยไม่ต้องกักตัว และไม่ต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบ RT PCR โดยเห็นว่าธุรกิจการบินในเอเชียแปซิฟิคจะฟื้นตัวล่าช้ากว่ายุโรปและสหรัฐ เพราะยังลังเลกับการอยู่กับโควิด นโยบายไม่ชัดเจน จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลทุกประเทศหาแนวทางอยู่กับโรคติดเชื้อโควิด-19 ให้ได้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สิงคโปร์และไทยเริ่มเปิดประเทศแล้ว เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อกลุ่มแอร์เอเชียที่คาดว่าจะใช้เวลา 6-9 เดือนที่รายได้จะฟื้นกลับมาเท่ากับปี 62 ก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19
ทั้งนี้ ช่วงที่มีการระบาดโควิด-19 กลุ่มแอร์เอเชียก็ได้ปรับโมเดลธุรกิจให้มีธุรกิจออนไลน์มากขึ้น ได้แก่ แอร์เอเชีย ซูเปอร์แอพ ที่เพิ่มการส่งอาหาร นอกเหนือการเป็นตัวแทนท่องเที่ยวออนไลน์ (OTA) , การขนส่งสินค้าทางอากาศภายใต้ เทเลพอร์ต
ล่าสุด วันนี้กลุ่มแอร์เอเชียประกาศแต่งตั้งนายโคลิน เคอร์รี่ (Colin Currie) อดีตผู้บริหารของอาดิดาส ให้เข้ามาดำรงตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการพาณิชย์ โดยจะรับผิดชอบการพัฒนากลยุทธ์ที่เน้นผู้บริโภคเป็นศูนย์กลางด้วยข้อมูลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเติบโตและบรรลุวัตถุประสงค์ทางการเงินของสายการบินและหน่วยธุรกิจด้านดิจิทัลของแอร์เอเชีย
นายเคอร์รี่ กล่าวว่า จะเร่งขยายการเติบโตโดยใช้กลยุทธ์ให้ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ตั้งเป้ารายได้ของธุรกิจดิจิทัลเป็น 50% จากรายได้กลุ่มแอร์เอเชียในปี 65 จากปัจจุบันรายได้จากดิจิทัลยังมีสัดส่วนน้อย โดยรายได้จากธุรกิจสายการบินยังเป็น Core Business พร้อมยกระดับแบรนด์แอร์เอเชียให้เป็นผู้นำการท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์ระดับโลก
"ผมพร้อมแล้วที่จะนำความรู้และประสบการณ์ที่มีทั้งหมด มาต่อยอดและใช้พัฒนาภาพรวมของแบรนด์และเสริมศักยภาพด้านการขาย โดยเฉพาะในหน่วยธุรกิจด้านดิจิทัล ที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสติดตามเรื่องราว การทำงานและเฝ้าดูการเติบโตที่น่าตื่นตาตื่นใจของกลุ่มแอร์เอเชีย และมั่นใจว่าในการร่วมผนึกกำลังกันนี้จะเร่งให้แอร์เอเชียเติบโตและก้าวสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างรวดเร็วขึ้น โดยเฉพาะเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำที่ให้บริการด้านดิจิทัลและไลฟ์สไตล์ของอาเซียน ถือเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นที่สุดในการเข้าร่วมกับแอร์เอเชียในการปฏิวัติเปลี่ยนผ่านตัวเองเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบต่อไป"
นายเคอร์รี่ กล่าวว่า การตัดสินใจที่นำนักธุรกิจชาวมาเลเซียที่มากด้วยประสบการณ์การทำงานในวงการต่างๆ มากมายมาร่วมงานกับแอร์เอเชียด้วยนั้น ยิ่งตอกย้ำว่าแอร์เอเชียมุ่งมั่นที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการตลาดในกลุ่มธุรกิจใหม่ ทั้งแอร์เอเชีย ซูเปอร์แอพ และธุรกิจร่วมทุนอีคอมเมิร์ซ
นายโทนี่ กล่าวว่า นายเคอร์รี่มีประสบการณ์มากมายในบริษัทระดับโลก โดยเฉพาะในตลาดอาเชียน ซึ่งจะขับเคลื่อนและทำให้เกิดการผสานข้อมูลต่อยอดภายในกลุ่มธุรกิจ เพื่อเร่งการเติบโตและสร้างรายได้ พร้อมเกิดความร่วมมือและโครงการใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้นของกลุ่มแอร์เอเชียต่อไป
"นี่คือการแถลงที่สำคัญของแอร์เอเชีย ที่ได้โคลินมาร่วมผลักดันธุรกิจ หลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย นอกจากนี้ยังเป็นบทพิสูจน์ความเชื่อมั่นของแบรนด์ที่ดี ว่าถึงแม้เราจะประสบความยากลำบากมามากมาย ก็ยังมีคนที่ยอดเยี่ยมเข้ามาเป็น Allstar และร่วมเดินทางในเส้นทางอันน่าตื่นเต้นกับเรา" นายโทนี่ กล่าว
ทั้งนี้ นายเคอร์รี่ เคยดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการของ อาดิดาส ซึ่งรับหน้าที่รับผิดชอบดูแลกิจการในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ครอบคลุมประเทศจีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก มีหน้าที่รับผิดชอบในการทำให้อาดิดาส เป็นแบรนด์ชั้นนำที่อยู่ในใจของผู้บริโภคในภูมิภาคนี้ ทำรายได้ของบริษัทเติบโตถึง 5 เท่าในตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ อีกทั้งยังมีผลงานช่วยลดช่องว่างส่วนแบ่งการตลาดจากลำดับที่ 4 จนก้าวสู่ระดับแนวหน้าได้ นอกจากนี้ เขายังมีส่วนสำคัญในการดำเนินนโยบายปรับปรุงรูปแบบการดำเนินงานของแบรนด์และทำให้แบรนด์กลายเป็นผู้นำแถวหน้าในตลาดระดับภูมิภาคพร้อมสร้างสถิติตัวเลขการเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ด้วย
ก่อนเข้าร่วมงานกับอดิดาส โดยก่อนหน้าเคอร์รี่ ได้ทำงานในวงการดนตรีและบันเทิง ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ของโซนี่ บีเอ็มจี มิวสิค มาเลเซีย และก่อนหน้านั้นได้ทำงานด้านการตลาดที่ประเทศฮ่องกง และออสเตรเลีย กับบริษัทต่างๆ ได้แก่ ซิตีแบงก์ แอนเซ็ตท์ ออสเตรเลีย และเทลสตาร์ โมบาย
นายเคอร์รี่ จบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้านการจัดการธุรกิจการบริการ จากมหาวิทยาลัยลีดส์ สหราชอาณาจักร และได้รับประกาศนียบัตรบัณฑิตด้านการตลาดจากสถาบันการตลาดแห่งสหราชอาณาจักร