SIAM มั่นใจปี 51 มีรายได้รวมที่ 2.2 พันลบ.โตเล็กน้อยจาก 2.15 พันลบ.ปี49
SIAM ตั้งเป้า ปี 52 รายได้หลักเฟอร์นิเจอร์โต 5-10% จาก 1.2 พันลบ.ปี 51
SIAM ปี 51 จะรักษากำไรขั้นต้นที่ 25% ใกล้ปีก่อน
SIAM คาดส่งมอบงานอินโดฯ-ครุภัณฑ์หมดเม.ย.51
บมจ.สยามสตีล อินเตอร์เนชั่นแนล (SIAM) มุ่งเน้นประมูลงานในประเทศมากขึ้น เนื่องจากงานต่างประเทศมีผลกระทบจากเงินบาทที่แข็งค่า ตั้งเป้าปี 52 (ก.ค.51-30 มิ.ย.52) รายได้จากธุรกิจหลักเฟอร์นิเจอร์จะโต 5-10% จากปี 51 (ก.ค.50-มิ.ย.51)ที่มี 1,200 ล้านบาท จากงานราชการมีเพิ่มขึ้น และจะพยายามรักษาอัตรากำไรขั้นต้นที่ 25% ใกล้เคียงปีก่อน
ส่วนงานในอินโดนีเซียภายในปีนี้คงยังไม่ได้ยื่นประมูลงานใหม่เพราะต้องรอให้ส่งมอบงานเดิม 2,100 ยูนิต ครบก่อน ซึ่งคาดว่าจะส่งมอบหมดในเดือนเม.ย.51
นางนภาพร หุณฑนะเสวี กรรมการ SIAM เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า รายได้งวดปี 51 (ก.ค.50-มิ.ย.51) คาดว่าจะได้ประมาณ 2,200 ล้านบาท มากกว่าปี 50 ที่ 2,157 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้หลักเฟอร์นิเจอร์ 1,200 ล้านบาท รายได้จากต่างประเทศ 1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นงานในอินโดนีเซีย 600 กว่าล้านบาท และงานต่างประเทศทั่วๆไป 300-400 ล้านบาท
ส่วนในปี 52 ตั้งเป้ารายได้จากเฟอร์นิเจอร์ในประเทศจะโต 5-10% จากปี 51 ที่ 1.2 พันล้านบาท เนื่องจากปีหน้าหลังเลือกตั้ง หวังว่างานราชการจะเพิ่มมากขึ้น เพราะที่ช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างชะลอ
"งานราชการชะลอทั้งหมดไม่กล้าซื้อของ อั้นมาปีกว่าแล้วเมื่อมีงบตรงนี้ออกมาในปีหน้าถ้าไม่มีอะไรสะดุด ในส่วนที่เป็นเฟอร์นิเจอร์ปกติตั้งเป้าจะโต 5-10% ทั้งนี้ไม่นับรวมการประมูลงานพิเศษที่จะเข้ามาเพิ่มเติม"นางนภาพร กล่าว
โดยปีที่แล้วสัดส่วนรายได้จากเฟอร์นิเจอร์อยู่ที่ประมาณ 75% (ปี 49/50) และปีนี้ (50/51) อาจจะอยู่ที่ 60% ที่เหลือเป็นงานจากต่างประเทศ
ในแง่กำไรสุทธิงวดปี 51 บริษัทพยายามจะให้เหมือนเดิมทุกๆ ปี เพราะงานในอินโดนีเซียมูลค่าโตไม่เท่าไร คงรอดูผลมากกว่า
อนึ่ง งวดปี 50 บริษัทมีกำไรสุทธิ 238.11 ล้านบาท
*หวั่นบาทแข็งต่อลดงานนอก
นางนภาพร กล่าวว่า บริษัทได้รับผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่าบ้างจากงานที่อินโดฯ ซึ่งช่วงที่ประมูลเข้าไปทำราคาอัตราแลกเปลี่ยนที่ 33-34 บาท/ดอลลาร์ จากการคาดการณ์ว่าเงินบาทจะแข็งค่า เมื่อถึงวันที่บริษัทส่งมอบงาน อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ทำ Forward ไว้ทั้งหมดที่ 34 บาท/ดอลลาร์ สำหรับงาน 2,100 ยูนิต ซึ่งช่วยให้บริษัทลดความเสียงได้ระดับหนึ่ง แต่หากเงินบาทแข็งกว่านี้ถือว่าได้จากตรงนี้มาเล็กน้อย แต่ถ้าเป็นล็อตต่อไปก็ต้องทำ Forward กันใหม่
"ตอนที่เราจะประมูลการแข่งขันของเราอาจจะต่ำลงเล็กน้อยจากเดิมที่ 40 บาท มาร์จิ้นอาจจะมากกว่านี้ แต่ตอนนี้ 33-34 บาท เราก็ต้องทำราคาให้สูงขึ้นเพื่อให้ได้ชดเชยตรงเรื่องกำไรตรงนี้ไป ซึ่งจะทำให้การแข่งขันเราด้อยไปเล็กน้อย ซึ่งงานตรงนี้มองว่าเป็นงานที่เราน่าจะได้มาร์จินพอสมควรเพราะเป็นล็อตใหญ่เรายังสามารถแข่งขันกับทางต่างประเทศได้ ซึ่งมาร์จิ้นดีพอ" นางนภาพร กล่าว
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทเน้นงานครุภัณฑ์ในประเทศอยู่ แต่ถ้าจะรับงานต่างประเทศมาร์จิ้นต้องมากกว่า ซึ่งก็ต้องดูเป็นงานๆ ไปและต้องดูวอลุ่มด้วย ซึ่งคิดว่งานต่างประทเศยังสามารถทำกำไรได้มาตรฐานอยู่ แต่ถ้าต่อไปอัตราแลกเปลี่ยนลงไปอยู่ที่ 25 บาท คงไม่รู้จะเอาอะไรไปสู้ แต่ถ้าประมาณนี้อยู่คิดว่าเรายังไปได้
ขณะที่งานในอินโดฯ บริษัทเริ่มทยอยส่งมอบและรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/51 (ก.ค.-ก.ย.50) ที่เริ่มรับรู้ไปบ้างแล้ว และคาดว่าจะรับรู้หมดประมาณในไตรมาส 4/51(เม.ย.-มิ.ย.51)
"รายได้จากงานในอินโดฯ ในแต่ละไตรมาสจะรับรู้ประมาณ 150 ล้านบาท และคาดว่าจะรับรู้หมดประมาณไตรมาส 4 /51 หรือหลังสงกรานต์เหมือนกัน น่าจะจบทั้ง 2,100 ยูนิต หรือภายในปี 51 " นางนภาพร กล่าว
สำหรับงานที่อินโดฯ หลังจากรอส่งมอบ 2,100 ยูนิตใกล้ครบ บริษัทยังไม่ได้เข้าร่วมประมูล จะมีรับงานก่อสร้างเพิ่มเติม (ไม่เกี่ยวกับบ้านสำเร็จรูป) เพราะถ้าเป็นบ้านสำเร็จรูปจะเป็นงานต่างประเทศส่วนใหญ่
"งานอินโดฯล็อตใหม่ จะประมูลทุกครั้งที่มี คิดว่าต้องรอให้ส่งมอบงานชุดเดิมก่อน ปกติก็เป็นเช่นนี้ให้จบรอบนี้ก่อนค่อยประมูลใหม่ ถ้าภายในสิ้นปีนี้คงยังไม่มีอะไร update ปีหน้าค่อยว่ากันใหม่" นางนภาพรกล่าว
*หันเน้นงานประมูลในประเทศ
กรรมการ SIAM กล่าวว่า บริษัทได้ทำสัญญากิจการร่วมค้ากับ บริษัท วังสิงห์คำวิศวกรรม จำกัด รับงานปรับปรุงอาคารผู้โดยสารสนามบินเชียงใหม่มูลค่างาน 405 ล้านบาท โดยคาดว่าจะรับรู้รายได้ประมาณปี 52 โดยบริษัทก็จะมุ่งเน้นประมูลงานในประเทศมากขึ้น
ทั้งนี้ บ.วังสิงห์คำฯ ทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างซึ่งเป็นคนท้องที่ในจ.เชียงใหม่
"มูลค่างาน 400 ล้านบาท ถือว่าเยอะสำหรับเราเพราะถือว่าเป็นงานชิ้นแรกที่จะเริ่มทำงานก่อสร้างซึ่งเป็นงานในประเทศ เพราะส่วนมากเรารับงานต่างประเทศ และหลังจากนี้จะพยายามเข้ามารับงานในประเทศให้มากขึ้นด้วย เพราะเกี่ยวกับเรื่องค่าเงินจะได้ไม่ได้รับผลกระทบมาก และเป็นสนามบินเชียงใหม่จึงมองว่าน่าจะเป็นผลงานที่ดีของบริษัทด้วยในอนาคต" นางนภาพร กล่าว
ส่วนงานครุภัณฑ์จะเริ่มรับรู้รายได้เมื่อส่งมอบสินค้าคาดว่าน่าจะเป็นไตรมาส 4/51 (เม.ย.-มิ.ย.51) หรือหลังสงกรานต์คงเริ่มทยอยรับรู้รายได้ แต่คิดว่าส่วนใหญ่น่าจะรับรู้ในไตรมาส 4/51 ประมาณ 70% ของงานคิดเป็นมูลค่า 300 ล้านบาท ส่วนที่เหลือก็จะรับรู้ไตรมาส 1/52 (ก.ค.-ก.ย.51)
ทั้งนี้ในไตรมาส 4/51 บริษัทจะส่งมอบไนอินโดนีเซีย ปพร้อมกับงานศูนย์ราชการ เพราะฉะนั้นไตรมาสนี้จะรับรู้รายได้มากที่สุดจาก 2 โครงการ โดยเป็นศูนย์ราชการประมาณ 300 ล้านบาท และอินโดฯอีกประมาณ 150 กว่าล้านบาท
ในส่วนของเงินปันผลก็ยังคงจ่ายเหมือนเดิมถ้ามีกำไร โดยงวดปี 50 จ่ายที่อัตรา 0.11 บาท/หุ้น จะจ่าย 29 พ.ย.50
*หุ้นผันผวนจากแรงเก็งกำไร
นางนภาพร กล่าวยอมรับว่า ราคาหุ้น SIAM ค่อนข้างผันผวน คาดว่าจะเป็นการเล่นเก็งกำไรโดยไม่ทราบสาเหตุ เพราะเรื่องการรับรู้รายได้จากงานที่ประมูลไปแล้วตลาดก็รับรู้ไปนานแล้ว ตอนนี้ส่งมอบจะหมดแล้ว หุ้น SIAM จะไม่เหมือนหุ้นอื่น อย่างไรก็ตาม
"หุ้นที่ผันผวนจะเป็นการเล่นเก็งกำไร เพราะรายได้แต่ละไตรมาสไม่ได้หวือหวามากถ้าการส่งมอบงานไม่ได้กระจุกตัวอยู่ในไตรมาสไหน" นางนภาพร กล่าว
ทั้งนี้ตั้งแต่ต้นปีนี้ราคาหุ้น SIAM ผันผวน โดยราคาต่ำสุดที่ 3.34 บาทเมื่อ 22 พ.ค.50 และ ราคาปรับขึ้นไปสูงสุดที่ราคา 5.65 บาท เมื่อ 11 ก.ค.50 และเช้านี้ยังไม่มีรายการซื้อขาย โดยมี bid/offer อยู่ที่ 4.28/4.32 บาท
--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/เสาวลักษณ์ โทร.0-2253-5050 ต่อ 353 อีเมล์: saowalak@infoquest.co.th--