6 โบรกฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์(MJD)มองปีหน้าเติบโตได้ดี คาดคอนโดมิเนียมระดับราคาสูง(Hi-end)น่าจะดีขึ้นตามเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ขณะที่อุปทานมีน้อย ส่วนจุดด้อยคือต้องใช้เงินลงทุนสูง หากโครงการใดขายไม่ดีอาจส่งผลกระทบทางลบ รวมทั้งต้องซื้อที่ดินราคาแพงโดยเฉพาะใกล้แนว BTS ขณะที่หุ้น MJD เข้าเทรดวันแรกราคาต่ำจองเพราะตลาดโดยรวมไม่ดี แนะซื้อหากราคาอ่อนตัว
โบรกฯ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท)
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ซื้อ 5.17
บล.โกลเบล็ก ซื้อ 5.30
บล.กรุงศรีอยุธยา ซื้อ 5.00
บล.พัฒนสิน ซื้อ 5.60
บล.เอเซีย พลัส ซื้อ 5.62
บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ซื้อ 5.10
*ราคาหุ้น MJD ปิดตลาดวานนี้ที่ 4.72 บาท/หุ้น
นายสมบัติ เอกวรรณพัฒนา ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ปัจจุบัน MJD พัฒนา 8 โครงการ กำไรปีนี้คาดว่าจะโต 6% ปีหน้าโต 64% PE ที่ 8 เท่า จะได้ราคาพื้นฐาน 5.17 บาท จุดเด่นคือทำคอนโดมีเนียมระดับราคาสูงอย่างเดียวเจาะตลาดลูกค้าระดับสูง ตลาดยังไปได้ อุปทานของคอนโดฯระดับราคาสูงมีน้อย เพราะโครงการส่วนใหญ่เจาะตลาดระดับกลางถึงล่าง และจะเห็นว่าที่ผ่านมาหากเป็นคอนโดฯระดับราคาสูงประสบความสำเร็จ ผู้พัฒนาจะต้องเป็นนักบริหารมืออาชีพ ลูกค้าจึงจะตัดสินใจซื้อ เพราะราคาสูงถึง ตร.ม.ละประมาณ 8 หมื่นกว่าบาท
"มีจุดเสี่ยงอยู่บ้างเพราะตลาดคอนโดฯระดับราคาสูงต้องใช้เงินลงทุนเยอะ ถ้าจะมีโครงการใดที่ขายไม่ดีหรือ cash flow ติดก็จะมีผลกระทบทางลบต่อบริษัทได้ รวมทั้งความเสี่ยงเรื่องการซื้อที่ดินค่อนข้างจะแพงเพราะปัจจุบันคนจะไปนิยมซื้อที่ดินแถวติด BTS ทำคอนโดฯกันเยอะ เพราะฉะนั้นการซื้อที่ดินใหม่ต้นทุนน่าจะสูง"นายสมบัติ กล่าว
นายวรุฒน์ ศิวะศริยานนท์ รองกรรมการผู้จัดการ บล.โกลเบล็ก คาดว่า จากพื้นฐานราคาในปีหน้าถึงจะฟื้นเพราะปีนี้เพิ่งเข้าจดทะเบียนอาจจะมี dilution
"ซื้อสำหรับปีหน้า เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์คอนโดฯระดับ Hi-end ช่วงนี้อาจจะชะลอลงเพราะ Hi-end ยังขายไม่ค่อยได้ดี ปีหน้าน่าจะดีขึ้นตามเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้น"นายวรุฒน์ กล่าว
นักวิเคราะห์ บล.กรุงศรีอยุธยา แนะนำซื้อก็ต่อเมื่อ gap มากกว่า 10% ระหว่างมูลค่าพื้นฐานกับราคาในกระดาน มองปีหน้าอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิ (net profit growth) อยู่ที่ 30% เพราะมีจำนวนหุ้นเพิ่มทุนเข้ามาอาจจะทำให้ Adjusted EPS Growth จะติดลบประมาณ 3% ประเด็นหลักปีหน้าการรับรู้รายได้จะมาจากโครงการแมนฮัตตันและวอเตอร์มาร์ค ที่รับรู้ต่อเนื่องจากช่วงปี 2007
อย่างไรก็ตาม คิดว่า DE หลังเพิ่มทุนก็ยังไม่ต่ำ ถ้าบริษัทต้องการสร้าง growth ในเรื่องของผลประกอบการไปเรื่อยๆ คิดว่า 1-2ปีข้างหน้าคงจะมีแนวโน้มเพิ่มทุนอีกครั้ง ถ้าเพิ่มทุนเพื่อสร้างการเติบโตได้ก็ดี
"ประเด็นที่อาจจะด้อยกว่าหุ้นตัวอื่นเป็นเรื่องของ margin แม้ว่าจะพัฒนาโครงการระดับ Hi-end คอนโดฯแต่มาร์จินก็ไม่ได้ดีมากนัก ราคาหุ้นที่ปรับลงมาวันแรกที่เข้าเทรดเพราะตลาดไม่ดี ให้มูลค่าพื้นฐาน 5 บาท ถ้าราคาอ่อนตัวลงมาจนมี gap มากกว่า 10% ให้เข้าไปซื้อได้" นักวิเคราะห์ กล่าว
บล.เอเซีย พลัส ให้มูลค่าหุ้นที่เหมาะสม ณ สิ้นปี 2551 ที่ 5.62 บาท สิ้น 2Q50 MJD มีโครงการระหว่างพัฒนา 8 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 13.8 พันล้านบาท มูลค่าสินค้าคงเหลือสำหรับขาย 7.19 พันล้านบาท และยอดขายที่ยังไม่บันทึกรายได้ 3.59 พันล้านบาท มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีก 5 โครงการ มูลค่ารวม 9.9-10.9 พันล้านบาท โดยยังมุ่งเน้นโครงการคอนโดมิเนียมที่จับกลุ่มเป้าหมายในตลาดบน
สำหรับผลประกอบการในงวด 9M50 มีกำไรจากการดำเนินงานรวม 177.59 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 62% ของประมาณการทั้งปี โดยประเด็นที่ทำให้ฐานกำไรต่ำกว่าที่ควรจะเป็นมาจาก 2 รายการหลักคือ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่พบว่า SG&A/Sale สูงถึง 15.5% ขณะที่ Effective Tax Rate สูงถึง 36% ซึ่งทั้ง 2 รายการเป็นรายการค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าสมมุติฐานในการจัดทำประมาณการนับเป็นความเสี่ยงที่อาจต้องมีการปรับลดประมาณการในโอกาสต่อไป
ปี 2551 เป็นช่วงเวลาที่โครงการที่พัฒนาในอดีตจะถึงกำหนดบันทึกรายได้ทางบัญชีเป็นจำนวนมาก ส่งผลทำให้เห็นการเติบโตของฐานรายได้กว่า 1 เท่าตัวเมื่อเทียบกับปี 2550 ภายใต้ความคาดหมายว่า Norm Profit Margin อยู่ที่ 12.9% และจำนวนหุ้น Fully Diluted คาดว่าจะเห็น EPS ปี 2551 เติบโตสูงถึง 47%
บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) คาดว่ากำไรสุทธิในปี 2551 จะเติบโต 10.5% เป็น 539 ล้านบาท (กำไรต่อหุ้น 0.77 บาท) ได้ราคาเหมาะสมเท่ากับ 5.10 บาท คิดโดยวิธีคิดลดกระแสเงินสดอิงอัตราคิดลด 10.75% และ terminal growth 1.5% ณ ระดับราคาเหมาะสม MJD จะซื้อขายกันที่ระดับ PER ปี 2551 ต่ำเพียง 6.6 เท่าและ P/BV ที่ 1.5 เท่า
--อินโฟเควสท์ โดย จำเนียร พรทวีทรัพย์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--