บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) คาดผลการดำเนินงานปี 2550 จะเป็นไปตามเป้าที่คาด ทั้งในแง่ของรายได้ ยอดสมาชิกบัตรเครดิต และยอดปล่อยสินเชื่อ น่าจะเติบโตได้ 20% และปีหน้าก็คงจะทำได้ใกล้เคียงกับปีนี้ เนื่องจากมองว่าสภาพเศรษฐกิจน่าจะไม่แตกต่างกัน แต่บริษัทก็เตรียมปรับสัดส่วนรายได้จากดอกเบี้ยและรายได้จากค่าธรรมเนียมเป็น 50:50 จาก 60:40 ในปัจจุบัน
ล่าสุด แตกไลน์ธุรกิจจัดงานแต่งงาน นำเสนอบริการจัดงานแต่งงานบนบอลลูนด้วยราคาประหยัด นอกจากนี้ยังร่วมกับสำนักพิมพ์ชื่อดังในประเทศไทยผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ซึ่งจะมีการเปิดตัวในเร็วๆนี้ และยังมีแนวคิดจะต่อยอดรายได้ด้วยธุรกิจใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง แต่ว่าจะต้องไม่ทับไลน์กับธุรกิจที่บริษัทแม่ คือ บมจ.ธนาคารกรุงไทย (KTB) ทำอยู่แล้ว
นายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KTC คาดว่า ในปีหน้าสถานการณ์โดยทั่วไปน่าจะไม่แตกต่างจากปีนี้ น้ำมันจะยังคงทรงตัวในระดับสูงต่อไป ผลกระทบจากปัญหาซับไพร์มจะยังมีอยู่ ทั้งสองปัจจัยนี้ต้องจับตาดูอบ่างใกล้ชิด ส่วนการมีรัฐบาลใหม่น่าจะเป็นรัฐบาลผสม อาจจะทำให้การตัดสินใจต่างๆ ไม่รุนแรงหรือรวดเร็วเหมือนอย่างในอดีต หลายหน่วยงานรวมทั้งประชาชนต้องดูแลการใช้เงินและต้นทุนทางการเงิน
"ปีนี้ทุกอย่างเป็นไปตามที่วางไว้ ปีหน้าก็คงไม่ต่างจากปีนี้"นายนิวัตต์ กล่าว
สำหรับแผนงานในปี 51 ขณะนี้ยังไม่ได้สรุปอย่างเป็นรูปธรรม แต่จพยายามเน้นไปทำอะไรที่ใหม่ๆ โดยนโยบายของ KTC หากเห็นว่าเป็นโอกาสทางธุรกิจก็จะเข้าไปทำทันที
"ถ้ามีโอกาส อะไรที่ทำแล้วได้เงิน เราจะทำเลย แต่ถ้าอะไรที่ทำแล้วเสียเงินเยอะ ไม่คุ้ม เราจะหยุดทันที"นายนิวัตต์ กล่าว
ล่าสุด บริษัทแตกไลน์ธุรกิจหันมาจับธุรกิจแต่งงาน โดยนำเสนอบริการจัดงานแต่งงานในงบประมาณที่เหมาะสมให้กับสมาชิกบัตรเคทีซีที่มีอยู่ประมาณ 1.92 ล้านบัญชีและลูกค้าของพันธมิตร ประเดิมจัดงานแต่งงานบนบอลลูน 14 ลูก ซึ่งเดินทางมาจากต่างประเทศ โดยกำหนดจัดงานจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 13-147 กุมภาพันธ์นี้ ผู้สนใจไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีก นอกเหนือจากค่าลงทะเบียนเข้าร่วมพิธีแต่งงาน 9,999 บาท สำหรับคู่รักคนไทย และ 999 เหรียญสหรัฐฯ สำหรับคู่รักต่างชาติ
นายนิวัตต์ กล่าวว่า ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาธุรกิจจัดงานแต่งงานในเมืองไทยเติบโตเร็วมาก มีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 5 พันล้านบาท แต่รูปแบบการจัดงานมักจะเป็นรูปแบบเดิมๆ คือ จัดในโรงแรม เชิญแขกจำนวนมาก งบประมาณที่ใช้จัดงานก็จะอยู่ราว 2-3 แสนบาทต่อ 1 คู่ ซึ่งหลายคู่ต้องไปขออนุมัติสินเชื่อ หรือใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเพื่อใช้จัดงานแต่งงานในวงเงินที่สูงมาก ซึ่งสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในปัจจุบัน อาจไม่เอื้ออำนวยนัก
ดังนั้น KTC ซึ่งมีพันธมิตรธุรกิจที่หลากหลาย จึงมีแนวคิดที่จะทำธุรกิจดังกล่าวเพื่อตอบสนองลูกค้าในรูปแบบที่เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจ
"เรามีแนวคิดว่าการจัดงานแต่งงานรูปแบบใหม่ และมีบรรยากาศโรแมนติคยังมีอีกหลายวิธี การจัดแต่งงานบนบอลลูนก็เป็นหนึ่งในนั้น"นายนิวัตต์ กล่าว
นอกเหนือจากธุรกิจแต่งงานแล้ว บริษัทยังมีแผนจะร่วมกับสำยนักพิมพ์ชื่อดังในประเทศไทยผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ใหม่ออกสู่ตลาด ซึ่งจะมีการเปิดตัวในเร็วๆนี้ รวมถึงธุรกิจเทรดแฟร์ด้วย
"เราจะหารูปแบบธุรกิจใหม่ๆเข้ามาต่อยอดรายได้อยู่เรื่อยๆ แต่อะไรก็ตามที่ บมจ.ธนาคารกรุงไทยทำอยู่แล้ว เช่น ธุรกิจลิสซิ่ง เราจะไม่เข้าไปทำซ้ำซ้อน"นายนิวัตต์ กล่าว
ปัจจุบัน KTC มีรายได้จากดอกเบี้ย 60% และรายได้จากค่าธรรมเนียม 40% แต่ในอนาคตมีแผนจะปรับสัดส่วนเป็นอย่างละ 50%
--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--