นายวิรัช ตั้งจิตเพียรดี Growth Platform Director บริษัท เอสซีจี ดิสทริบิวชั่น จำกัด ในธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง เอสซีจี บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) เปิดเผยว่า บริษัทนำเสนอแพลตฟอร์ม พร้อม พลัส (PROMPT PLUS) ซึ่งเป็น B2b E-Commerce Platform สำหรับร้านค้าวัสดุก่อสร้างขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารธุรกิจให้กับร้านค้าวัสดุก่อสร้าง ทำให้มีต้นทุนที่สามารถแข่งขันได้
PROMPT PLUS เป็นแพลตฟอร์มที่ได้รวบรวมสินค้าวัสดุก่อสร้างหลากหลายแบรนด์ ทั้งแบรนด์สินค้าของเอสซีจี และแบรนด์สินค้าอื่นๆ อีกมากมายไว้ในแพลตฟอร์มเดียว ซึ่งจะช่วยให้การสั่งซื้อสินค้าวัสดุก่อสร้างเป็น เรื่องง่าย สะดวก รวดเร็ว ร้านวัสดุก่อสร้างสามารถสั่งซื้อสินค้าได้ทุกที่ ทุกเวลา ตลอด 24 ชั่วโมง ผ่านเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น
ทั้งนี้ PROMPT PLUS ถูกออกแบบและพัฒนารูปแบบการช้อปปิ้งออนไลน์ที่ตอบโจทย์การจัดซื้อได้ อย่างมีประสิทธิภาพ โดยร้านค้าวัสดุก่อสร้างสามารถสั่งซื้อสินค้าและตรวจสอบสถานะสินค้าได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมีระบบ Chatbot ที่สามารถช่วยตอบคำถามได้อย่างชาญฉลาดและช่วยอำนวยความสะดวกในการค้นหาสินค้าเสมือนมีผู้ช่วยส่วนตัว (Personal Assistant)
อีกทั้งร้านค้าวัสดุก่อสร้างที่ใช้งานผ่านแพลตฟอร์มจะไม่พลาดข่าวสารและโปรโมชั่นพิเศษมากมาย อาทิ โปรโมชั่นสินค้าราคาพิเศษ, Flash Sales, โปรโมชั่น Cash Back รับเงินคืนเข้าผ่านทาง ช้าง แฟมิลี่ วอลเล็ต พร้อมสามารถสะสมคะแนนได้สำหรับสมาชิกช้าง แฟมิลี่ ซึ่งเป็น Loyalty Program สำหรับร้านค้าวัสดุก่อสร้างในการสะสมคะแนนแลกของรางวัล
"บริษัทมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์ สิ่งใหม่อย่างไม่หยุดนิ่ง ด้วยการลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถตอบสนองกับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในแต่ละช่องทาง ช่วยทำให้การซื้อสินค้าวัสดุก่อสร้างเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบายที่สุด โดยเฉพาะในส่วนของ ช่องทางค้าส่ง (Wholesale) ซึ่งถือเป็นเครือข่ายที่มีความแข็งแกร่งและเป็นรายได้หลักที่สำคัญของบริษัทฯ ซึ่งปัจจุบันมีร้านผู้แทนจำหน่ายของเอสซีจี ที่ดูแลเครือข่ายร้านค้าวัสดุก่อสร้างกว่า 10,000 ร้านค้า ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อเสริมศักยภาพในการแข่งขันให้กับร้านค้าวัสดุก่อสร้างในเครือข่าย ให้สามารถตอบสนองกับความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และสามารถแข่งขันกับร้านค้า Modern Trade ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องได้ ผ่านแพลตฟอร์ม พร้อม พลัส" นายวิรัช กล่าว
ปัจจุบัน PROMPT PLUS มีร้านค้าวัสดุก่อสร้างจากทั่วประเทศใช้งานแล้วรวมกว่า 9,000 ราย มีสินค้ามากกว่า 15,000 รายการ และในช่วงที่ผ่านมามียอดขายรวมประมาณ 16,000 ล้านบาท โดยในปี 65 ตั้งเป้าจะเพิ่มจำนวนร้านค้าวัสดุก่อสร้างเข้าร่วมแพลตฟอร์มดังกล่าวเป็น 12,000 ร้านค้า และมีแผนขยายวไปยังประเทศในอาเซียนอีก 5 ประเทศ ได้แก่ ลาว เวียดนาม พม่า อินโดนีเซีย และ ฟิลิปปินส์
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้พัฒนา b2c Platform ที่ชื่อว่า ดีพร้อม (D PROMPT) มาเสริมต่อกับ B2b E-Commerce Platform พร้อม พลัส (PROMPT PLUS) เพื่อเติมเต็มกลยุทธ์ B2b2c ให้สมบูรณ์ โดย ดีพร้อม (D PROMPT) จะทำหน้าที่เชื่อมโยง 2 กลุ่มลูกค้าสำคัญ ระหว่างเครือข่ายร้านค้าผู้ขายสินค้าวัสดุก่อสร้าง กับ ผู้ซื้อโดยเฉพาะกลุ่มช่างผู้รับเหมาก่อสร้าง ด้วยการพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มออนไลน์ที่จะช่วยให้ลูกค้าช่างและผู้รับเหมาเลือกหาซื้อสินค้าวัสดุก่อสร้างได้ง่ายๆ กับเครือข่ายร้านค้าวัสดุก่อสร้างที่ซื้อสินค้าจาก พร้อม พลัส (PROMPT PLUS) ซึ่งมีกว่า 9,000 ร้านค้าทั่วประเทศ
ดีพร้อม (D PROMPT) ได้พัฒนาเครื่องมือด้านดิจิทัลที่จะช่วยให้ร้านค้าวัสดุก่อสร้างทำ CRM กับกลุ่มลูกค้าประจำและลูกค้าในพื้นที่การขายของร้าน เพื่อช่วยรักษาฐานลูกค้าและเพิ่มโอกาสการขายสินค้าให้กับร้านค้าวัสดุก่อสร้างในเครือข่ายอีกด้วย โดยอยู่ระหว่างการพัฒนาแพลตฟอร์ม คาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการได้ในช่วงต้นปี 65
"ทางบริษัทฯ ตั้งใจพัฒนากลยุทธ์ B2b2c ขึ้น เพื่อเป็นกลยุทธ์หลักในการบริหารช่องทางการจัดจำหน่ายและกระจายสินค้าจากต้นทางไปยังลูกค้าปลายทางแบบ End to End ให้มีประสิทธิภาพ พร้อมกับมุ่งหวังช่วยพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเครือข่ายร้านค้าวัสดุก่อสร้างใน Ecosystem ของเรา ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีในรูปแบบดิจิทัลแพลตฟอร์มทั้ง พร้อม พลัส (PROMPT PLUS) ที่เป็น B2b E-Commerce Platform และดีพร้อม (D PROMPT) ซึ่งเป็น b2c Platform ให้เป็นตัวขับเคลื่อนหลักที่จะช่วยสร้างและส่งมอบคุณค่าเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าผู้ซื้อและผู้ใช้ปลายทางได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เราเชื่อว่า กลยุทธ์ B2b2c นี้จะช่วยพัฒนาระบบการจัดจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้างได้ครบทั้ง Chain แบบ End to End ซึ่งจะช่วยตอบโจทย์ความต้องการตั้งแต่ผู้จัดจำหน่าย เครือข่ายร้านค้าวัสดุก่อสร้าง ไปจนถึงลูกค้าซึ่งเป็นผู้ใช้และผู้ซื้อปลายทางด้วยระบบดิจิทัลที่ทันสมัย ซึ่งเราเป็นรายแรกของประเทศไทยที่นำกลยุทธ์ B2b2c นี้มาใช้ ถือว่าเป็นการตอกย้ำความเป็นผู้นำในธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้างผ่านระบบผู้แทนจำหน่ายของเมืองไทย" นายวิรัช กล่าว