ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดร่วงลงอย่างรุนแรงในวันนี้ (12 พ.ย.) โดยดัชนีหลักขยับลงมากที่สุดในวันเดียวทำสถิติเป็นอันดับที่สองในรอบปีนี้ และทรุดลงมากสุดเป็นอันดับ 7 ในประวัติศาสตร์ อันเป็นผลมาจากตลาดหุ้นวอลล์สตรีทและตลาดหุ้นจีนที่ร่วงลงอย่างหนักจนทำให้เกิดการเทขายทำกำไรทั่วทั้งกระดาน
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ตลาดสหรัฐได้รับผลกระทบอย่างหนักหลังบริษัทต่างๆในภาคการเงินออกมาเปิดเผยความเสียหายจากวิกฤติซับไพรม์ ในขณะตลาดหุ้นจีนก็ดิ่งลงอย่างหนักหลังทางการประกาศให้ธนาคารเพิ่มปริมาณเงินสำรองขึ้นอีก 0.5% ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 9 แล้วในปีนี้
หุ้น HSBC ร่วงลงหลังมีข่าวว่าทางธนาคารกำลังจะเปิดเผยค่าความเสียหายเพิ่มเติมอีก 1 พันล้านดอลลาร์ จากธุรกิจปล่อยกู้จำนองเพื่อการซื้อบ้าน
บริษัทอสังหาริมทรัพย์และธนาคารในจีนได้รับผลกระทบจากความวิตกกังวลที่ว่า จีนอาจประกาศใช้มาตรการควบคุมทางการเงินเพิ่มเติมซึ่งรวมถึงการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย หลังการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อในเดือนต.ค.ในวันพรุ่งนี้
สำนักข่าวซินหัวไฟแนนซ์รายงานว่า ดัชนีฮั่งเส็งร่วง 1,117.68 จุด หรือ 3.88% ปิดที่ 27,665.73 จุด หลังเคลื่อนไหวในกรอบ 27,468.0 - 28,071.53 จุด
"นักลงทุนต่างมองหาข้ออ้างในการเทขายทำกำไรตั้งแต่ฮั่งเส็งพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือระดับ 31,600 จุด เมื่อวันที่ 30 ต.ค. จากระดับ 21,500 จุด ในช่วงกลางเดือนส.ค." โทนี่ เอสปิน่า ประธานสมาคมนายหน้าค้าหุ้นแห่งฮ่องกงกล่าว ดังนั้น การที่ตลาดสหรัฐและจีนร่วงลงอย่างหนักจึงเป็นข้ออ้างที่เหมาะสมในการเทขายทำกำไร
"นักลงทุนจำนวนมากไม่ต้องการเข้าซื้อหุ้นเพื่อเก็งกำไรแม้ตลาดจะร่วงลงอย่างหนักก็ตาม" คาสโตร ปัง นักยุทธศาสตร์จาก ซันฮุงไก ไฟแนนเชียล กรุ๊ป กล่าว "ดูเหมือนว่านักลงทุนหวังให้ตลาดร่วงลงอีก ก่อนที่จีนและสหรัฐจะเปิดเผยข้อมูลสำคัญทางเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้"
นายปังกล่าวว่า ตลาดหุ้นจีนอาจต้องเผชิญกับการเทขายทำกำไรมากกว่าเดิมถ้าตัวเลขเงินเฟ้อเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีความเป็นไปได้ว่าธนาคารกลางจีนอาจปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่าดัชนีฮั่งเส็งไม่น่าจะร่วงต่ำกว่า 27,000 จุด
หุ้น HSBC ตกลง 2.77% หลังมีข่าวว่าทางธนาคารจะเปิดเผยหนี้เสียอีก 1 พันล้านดอลลาร์จากสาขาของธนาคารในสหรัฐ โดยทั้งนายเอสปิน่าและนายปังเชื่อว่า หุ้น HSBC น่าจะถูกเทขายเพิ่มในระยะสั้น เนื่องจากนักลงทุนยังวิตกกังวลถึงผลกระทบที่ทางธนาคารได้รับจากวิกฤติซับไพรม์
ส่วนหุ้นธนาคารอื่นๆ ก็ปรับลดลงเช่นกัน โดยหุ้นฮั่งเส็งแบงค์ ลดลง 3.21%, หุ้นแบงค์ ออฟ อีสท์ เอเชีย ลดลง 2.55% และ หุ้นบีโอซี ฮ่องกง ขยับลง 1.45%
หุ้นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ก็ปรับลดลง โดยหุ้นเฉินกง ขยับลง 0.7%, หุ้นซันฮุงไกลดลง 1.69% และ หุ้นซิโนแลนด์ ลดลง 2.5%
หุ้นไชน่าโมบาย ลดลง 5.55% และ หุ้นไชน่า ไลฟ์ ลดลง 4.28%
หุ้นฮัชชิสัน วอมเปา เพิ่ม 1.19% ในขณะที่หุ้นฮ่องกง เอ็กซ์เชนจ์ส แอนด์ เคลียริ่ง ลดลง 6.71%
หุ้นไชน่า คอนสตรัคชั่น แบงค์ ลดลง 4.33%, หุ้นแบงค์ ออฟ คอมมิวนิเคชั่นส์ ลดลง 5.75%, หุ้น ICBC ลดลง 5.01% และ หุ้นแบงค์ ออฟ ไชน่า ลดลง 3.89%
หุ้นบริษัทอสังหาริมทรัพย์จีนร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นปักกิ่ง แคปปิตัล แลนด์ ร่วงลง 8.58% และ หุ้นไชน่า โอเวอร์ซีส์ แลนด์ ลดลง 5.19%
หุ้นไชน่า อีสเทิร์น แอร์ไลน์ส ร่วง 17.17%
ดัชนีฮั่งเส็ง ไชน่า เอนเตอร์ไพรซ์ส ลดลง 1,047.17 จุด หรือ 5.91% ปิดที่ 16,656.91 จุด หลังเคลื่อนไหวในกรอบ 16,628,73 - 17,138.35 จุด
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--