นายปิยะ ตันทนพิพัฒน์ รักษาการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ.ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส(UMS)คาดว่า ในปี 51 จะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากปีนี้เป็นไม่ต่ำกว่า 3 พันล้านบาท รวมถึงในด้านกำไรก็จะเพิ่มขึ้นตามด้วย
เนื่องจากบริษัทมีแผนปรับขึ้นราคาถ่านหิน 5-10% ในช่วงต้นปีหน้า และเชื่อว่าจะมีลูกค้าเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากราคาก๊าซหุงต้มลอตัวในสิ้นปีนี้ รวมทั้งการเพิ่มสัดส่วนลูกค้าระดับกลางและเล็กเป็น 60% จาก 40% ในปีนี้ที่มีมาร์จิ้นสูงกว่าลูกค้ารายใหญ่ และบริษัทจะมีรายได้เพิ่มเข้ามาจากถ่านอัดก้อน 400 ล้านบาท
"ขณะนี้บริษัทได้ปรับราคาถ่านหินอีก 20% ตามต้นทุนที่เกิดขึ้น จากการที่บริษัทได้มีการทยอยปรับราคาตั้งแต่ไตรมาส 3 ปีนี้ และจะปรับอีกครั้งในช่วงต้นปีหน้าตามต้นทุนที่เพิ่ม นายปิยะกล่าว
ส่วนผลประกอบการปีนี้ คาดว่ารายได้จะมากกว่า 2.4 พันล้านบาท โดยคาดว่าไตรมาส 4/50 รายได้จะอยู่ที่ 725 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากในไตรมาส 3/50 ที่มีรายได้ 625 ล้านบาท หลังจำนวนลูกค้าและปริมาณขายถ่านหินเพิ่มขึ้น
ขณะที่คาดว่าจะรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้น(Gross margin)ไว้ที่ระดับ 30% ในปี 51 เพราะแม้ว่าจะมีการปรับขึ้นราคาและมีคลังสินค้าที่อยุธยา และคลังสินค้าที่สวนส้ม จ.สมุทรสงคราม ที่คาดว่าจะเปิดได้ในไตรมาส 1/51 และ ไตรมาส 2/51 ตามลำดับ แต่การแข่งขันยังคงอยู่ในระดับที่สูงเช่นกัน
นายปิยะ กล่าวว่า ปีหน้าบริษัทได้เตรียมงบลงทุน 340 ล้านบาท จะมาจากการกู้ 50% ส่วนที่เหลือจะมาจากกำไรสะสมของบริษัท เพื่อนำไปซื้อเรือขนส่งถ่านหินเพิ่มจำนวน 10 ลำ และเพิ่มจำนวนรถบรรทุกเพื่อใช้ในการขนส่ง ส่วนที่เหลือในการลงทุนสร้างคลังสินค้า
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาโครงการใหม่คาดจะสรุปในปีหน้าและจะใช้งบลงทุน 200-300 ล้านบาท พร้อมทั้งศึกษาการลงทุนสร้างคลังสินค้าที่ภาคใต้เพิ่มเติม เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ แต่อย่างไรก็ตามที่ภาคใต้คาดจะเห็นในอีก 2-3 ปีข้างหน้า เพราะความต้องการใช้ถ่านหินไม่มากนัก
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--