บมจ.ปตท. (PTT) คาดว่าในปี 65 ความต้องการใช้น้ำมันของโลกจะเพิ่มขึ้น 4.2 ล้านบาร์เรล/วันจากปี 64 ไปอยู่ที่ระดับ 100.9 ล้านบาร์เรล/วัน โดยคาดว่าราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 71-76 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และค่าการกลั่นอ้างอิงสิงคโปร์คาดว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 4.0-5.0 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
ขณะที่คาดว่าราคาน้ำมันดิบในปี 64 จะเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 68-73 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล และค่าการกลั่นอ้างอิงสิงคโปร์คาดว่าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 3.1-4.1 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากการประเมินราคาน้ำมันดิบในไตรมาส 4/64 เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 82 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/64 ที่ระดับ 71.7เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากอุปสงค์น้ำมันโลกที่ทยอยปรับเพิ่มขึ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ประกอบกับอุปทานของกลุ่มโอเปคพลัส ที่จะยังคงปรับเพิ่มกำลังการผลิตอย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่งผลให้เกิดภาวะอุปทานน้ำมันดิบตึงตัว อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยกดดันจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์ใหม่ในหลายๆ ประเทศ
ส่วนราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีทั้งสายโอเลฟินส์และอะโรเมติกส์ในปี 65 ตลาดยังคงถูกกดดันจากอุปทานใหม่ และมีความ ไม่แน่นอนจากมาตรการ Dual control policy ของประเทศจีนที่ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี โดยคาดว่า ราคากลุ่มผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์ ราคา HDPE และ PP จะเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 1,120-1,170 เหรียญสหรัฐ/ตัน และ 1,275-1,325 เหรียญสหรัฐ/ตัน ตามลำดับ โดยอุปทานใหม่ในเอเชียเพิ่มขึ้นอย่างมากในปี 65 และมีผลกระทบจากมาตรการ Dual control policy ที่อาจขยายวงกว้างไปในมณฑลอื่นๆ และปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ที่ยังคงส่งผลต่อเนื่อง
ด้านราคาผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ คาดว่าราคา PX และ BZ จะเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 870-920 เหรียญสหรัฐ/ตัน และ 850-900เหรียญสหรัฐ/ตัน ตามลำดับ ตลาดอะโรเมติกส์ยังคงมีอุปทานใหม่เพิ่มขึ้นสูงกว่าการฟื้นตัวของความต้องการ และมาตรการ Dual control policy ในจีนส่งผลกระทบต่อความต้องการของผลิตภัณฑ์ปลายน้ำ