นายวิวรรธน์ เหมมณฑารพ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ปัญจวัฒนาพลาสติก (PJW) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 8 -10% จากปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,829.83 ล้านบาท เนื่องจากทิศทางการฟื้นตัวของทุกกลุ่มธุรกิจ อาทิ กลุ่มธุรกิจบรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นพลาสติก ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก และธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ เริ่มฟื้นตัว ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกในครึ่งปีหลัง ประกอบกับบริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนที่ดี ภายใต้แนวคิดการบำรุงรักษาทวีผลที่ทุกคนมีส่วนร่วม (Total Productive Maintenance) เพื่อลดความสูญเสียเปล่าที่เกิดขึ้น จากการที่ต้องหยุดผลิต และความเสียเปล่าที่เกิดจากการผลิตของเสีย (Defect)
นอกจากนี้ จากแผนการขับเคลื่อนกลยุทธ์ทางธุรกิจตั้งแต่กลางปีที่ผ่านมาที่เดินหน้าต่อยอดสู่การแตกไลน์ธุรกิจใหม่ทางด้านนวัตกรรมผลิตภัณฑ์กลุ่ม Medical Plastic Product เครื่องมือทางการแพทย์จากพลาสติกใช้แล้วทิ้ง อาทิ ไซริงค์พลาสติก, วาล์ว สายน้ำเกลือ, เข็มฉีดยา รวมถึงเครื่องมือแพทย์อื่นๆ เพื่อสร้างการเติบโตสู่ New S-curve จะเริ่มทยอยรับรู้รายได้เข้ามาบางส่วนในไตรมาส 4/64
ก่อนหน้านี้ ช่วงไตรมาส 3/64 บริษัทเซ็น MOU กับ บมจ.อินเตอร์ ฟาร์มา (IP) เพื่อร่วมมือและสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการใช้งานของบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนโดยทั่วไป รวมถึงด้านการตลาด จัดจำหน่าย และคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้เข้ามาเต็มปีในปี 65 ประมาณ 300 ล้านบาท ดังนั้นจะเห็นได้ว่าในปีหน้า PJW จะมีอัตราการเติบโตของรายได้มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ส่วนผลการดำเนินงานในงวดที่ผ่านมา บริษัทสามารถควบคุมต้นทุนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้สามารถรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นไว้ได้ที่ระดับ 18.2% ลดลงเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบจากปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 18.3% เนื่องจากราคาเม็ดพลาสติกซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นปี 64
งวด 9 เดือนของปี 64 บริษัทมีกำไรสุทธิ 119.96 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64.17 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 115% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน (YoY) ที่มีกำไรสุทธิ 55.78 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวมเท่ากับ 2,303.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 236.4 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 11.4% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 2,067.1 ล้านบาท
ขณะที่ไตรมาส 3/64 บริษัทมีกำไรสุทธิ 30.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.85 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 92.50% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 16.05 ล้านบาท ขณะที่มีรายได้รวมเท่ากับ 753.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 91.4 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 13.8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 662.5 ล้านบาท
สาเหตุที่บริษัทฯมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเนื่องจากยอดขายที่เริ่มฟื้นตัวของกลุ่มบรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นทั้งส่วนของประเทศไทยและประเทศจีน รวมถึงในส่วนของอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่เริ่มมีคำสั่งซื้อชิ้นส่วนยานยนต์เข้ามาเพิ่มขึ้นจากปีก่อน โดยจะเห็นได้จากยอดขาย 9 เดือนของปี 64 เพิ่มขึ้นประมาณ 11.4% เมื่อเทียบกับยอดขายของ 9 เดือนของปี 63 ซึ่งเป็นผลกระทบของโควิด-19 ประกอบกับบริษัทมีการควบคุมต้นทุนการผลิตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดความสูญเสีย ทำให้สามารถรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นได้เป็นอย่างดี
"ยอดขายใหม่ของงานนิวโมเดล ในส่วนของยอดขายบรรจุภัณฑ์ สำหรับนมและนมเปรี้ยวเพิ่มขึ้นเนื่องจากมียอดขายของผลิตภัณฑ์ใหม่ ในส่วนของธุรกิจในเมืองจีนยอดขายเพิ่มขึ้นร้อยละ 16 เมื่อเทียบกับในช่วงไตรมาส 2-3 ของปี 2563 ที่ประสบวิกฤตของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของรัฐบาล ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์และบรรจุภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นเป็นอย่างมาก"นายวิวรรธน์ กล่าว