นายมารุต ศิริโก กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอเอ็มอาร์ เอเซีย (AMR) เปิดเผยว่า ช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทมีโอกาสคว้างานใหม่เพิ่มเติมอีก เนื่องจากช่วงก่อนหน้าได้ยื่นประมูลงานวางระบบหลายโครงการของทั้งภาครัฐและเอกชน มูลค่าโครงการรวมกว่า 3,000 ล้านบาท เช่น งานวางระบบสถานีรถไฟฟ้า งานเปลี่ยนสายไฟฟ้าลงดิน รวมถึงโครงการเกี่ยวกับพลังงานทดแทน และงานวางระบบอื่นๆ และยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการยื่นประมูล รวมถึงโครงการเกี่ยวกับ Smart City ที่อยู่ระหว่างการหารือร่วมกับหน่วยงานรัฐ หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 คลี่คลาย เพื่อเพิ่มปริมาณงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) ผลักดันธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 3/64 มีรายได้รวม 462.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.6% จากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากภาพรวมการบริหารงานโครงการมีการรับรู้รายได้ในอัตราความสำเร็จที่สูงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับ 2 ไตรมาสที่ผ่านมา และมีกำไรสุทธิในไตรมาส 3/64 จำนวน 69.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.2% จากไตรมาสก่อนหน้า และคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 15.1% เป็นผลจากกำไรขั้นต้นที่ปรับสูงขึ้นจากการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
สำหรับงวด 9 เดือนปี 64 บริษัทมีกำไรสุทธิ 149.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.4% จากปีก่อน โดยเป็นผลจากความสามารถในการทำกำไรขั้นต้นที่เพิ่มสูงขึ้นเป็น 29.6% จากอัตรา 22.4% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และยังสามารถลดต้นทุนคงที่ของธุรกิจลงในอัตรา 2.5% เมื่อเทียบจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
ณ วันที่ 30 ก.ย.64 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 2,302.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 708.7 ล้านบาท เทียบกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 สาเหตุหลักมาจากเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเพิ่มขึ้น 748.4 ล้านบาท จากการออกจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนครั้งแรก โดยอัตราส่วนสินทรัพย์หมุนเวียนต่อสินทรัพย์รวมคิดเป็น 86.1% หนี้สินรวมจำนวน 900.8 ล้านบาท ลดลง 179.6 ล้านบาท เนื่องจากหนี้สินหมุนเวียนจากการดำเนินธุรกิจที่ลดลง อาทิ เจ้าหนี้การค้าและหนี้สินที่เกิดจากงานโครงการ