ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (8 พ.ย.) หลังจากนายเบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เตือนว่าภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐอาจส่งผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวในภาคธุรกิจ นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถูกเทขาย หลังจากบริษัทซิสโก ซิสเต็มส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายคอมพิวเตอร์ ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการ อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์สามารถไต่ขึ้นจากระดับต่ำสุดของวันได้ เนื่องจากหุ้นกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้น ซึ่งช่วยพยุงหุ้นกลุ่มอื่นๆปรับฐานขึ้นด้วย
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลดลง 33.73 จุด หรือ 0.25% แตะระดับ 13,266.29 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดรูดลง 0.85 จุด หรือ 0.06% แตะระดับ 1,474.77 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดขยับลง 52.76 จุด หรือ 1.92% แตะระดับ 2,696.00 จุด
ปริมาณซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 2.19 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 17 ต่อ 16 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 3.45 พันล้านหุ้น
นายเบอร์นันเก้ได้แถลงต่อคณะกรรมาธิการเศรษฐกิจร่วมแห่งสภาคองเกรสว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐอาจส่งผลกระทบต่ออัตราการขยายตัวในภาคธุรกิจ อย่างไรก็ตาม เบอร์นันเก้ไม่ได้ส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกหรือไม่
"นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงมีท่าทีวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ โดยล่าสุด มอร์แกน สแตนลีย์ซึ่งเป็นวาณิชธนกิจรายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐเปิดเผยว่า กำไรไตรมาส 4 ของบริษัทอาจลดลงเนื่องจากบริษัทจำเป็นต้องกันสำรองหนี้สูญเป็นวงเงินมูลค่า 2.5 พันล้านดอลลาร์ หลังจากเกิดวิกฤตการณ์ในตลาดสินเชื่อ" นายแบรนดอน โธมัส นักวิเคราะห์จากพอร์ทโฟลิโอ เมเนจเมนท์ คอนซัลแทนท์ กล่าว
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ซีอีโอของเมอร์ริล ลินช์ และ ซิตี้กรุ๊ป ได้ประกาศลาออก เพื่อแสดงความรับผิดชอบที่มีส่วนทำให้บริษัทต้องขาดทุนเป็นเงินจำนวนมาก ส่งผลให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าอาจมีสถาบันการเงินอีกหลายแห่งที่ขาดทุนจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มการเงินปิดบวกขึ้น นำโดยหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ที่ปิดพุ่งขึ้น 4.9% แม้บริษัทยอมรับว่าอาจมีตัวเลขขาดทุนสูงถึง 6 พันล้านดอลลาร์หากการลงทุนในตลาดซับไพรม์ย่ำแย่ลงกว่าเดิม โดยนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา มอร์แกน สแตนลีย์ขาดทุนไปแล้วประมาณ 5.5 พันล้านดอลลาร์
ขณะที่หุ้นซิสโก ซิสเต็มส ดิ่งลง 9.5% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการ ซึ่งเป็นผลมาจากยอดสั่งซื้อจากกลุ่มธนาคารและผู้ค้าปลีกที่ปรับตัวลดลง ทั้งนี้ ข่าวดังกล่าวส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการขยายตัวของซิสโกที่ต้องพึ่งพาการใช้จ่ายในภาคธุรกิจ
หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ดีดขึ้น 2.9% หลังจากฟอร์ดเปิดเผยผลประกอบการที่ค่อนข้างสอดคล้องกับคาดการณ์ ขณะที่หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ดิ่งลง 4.4% เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่ากิจการของบีเอชพี บิลลิตัน อาจล้าหลังคู่แข่งรายสำคัญอย่างรีโอตินโต แต่หุ้นรีโอตินโตพุ่งขึ้น 23%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--