นายแบงก์มองเงินดิจิทัลยังต้องใช้เวลาพิสูจน์อีกนาน แต่ยอมรับผลตอบแทนดีแม้เสี่ยงสูง-ผันผวน

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 15, 2021 17:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวิน พรหมแพทย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานลูกค้าไฮเน็ตเวิร์ธ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) กล่าวในงานสัมมนา "Wealth Virtual Forum 2021 ลงทุนอย่างไรให้รวย" หัวข้อเสวนา "เงินดิจิทัล ไปต่อ หรือ พอแค่นี้"ว่า สกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) ถือว่ายังมีความผันผวนที่ค่อนข้างสูงกว่าสกุลเงินหลักของแต่ละประเทศที่ใช้อยู่ การนำไปใช้ในการแลกเปลี่ยน ซื้อขายสินค้าและบริการต่างๆ อาจจะยังค่อนข้างมีความผันผวนค่อนข้างมาก และต้องมีการบริหารจัดการในเรื่องความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนของ Cryptocurrency เป็นอย่างดี อีกทั้งยังไม่เป็นสกุลเงินที่ยอมรับในการนำใช้ในระบบตามที่กฎหมายของประเทศนั้นๆ กำหนดอย่างเป็นทางการ

โดยการที่จะนำ Cryptocurrency ยังคงต้องใช้เวลาในการยอมรับที่หลายปี เพราะในปัจจุบันสกุลเงินหลักที่ใช้อยู่ในการแลกเปลี่ยนของประเทศมีความน่าเชื่อถือและยังเป็นที่ยอมรับในการใช้แลกเปลี่ยน ซื้อขายสินค้าและบริการในวงกว้าง มีกฎหมายและหน่วยงานที่รับรองการใช้ มีความผันผวนที่น้อยมาก และการที่ธนาคารกลางมีการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลออกมาใช้ในการแลกเปลี่ยน ทำให้ Cryptocurrency จะต้องพิสูจน์อีกหลายอย่างเพื่อเกิดการยอมรับ ที่สามารถเข้ามาทดแทนสกุลเงินหลักที่ใช้อยู่ได้ และมีการใช้จริงเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในแง่ของการโอนเงินผ่านระบบดิจิทัล Cryptocurrency ถือเป็นตัวกลางที่ทำให้การโอนเงินมในการทำธุรกรรมต่างๆบนระบบดิจิทัลมีความรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากกว่าการโอนเงินแบบปกติ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่คนเห็นถึงประสิทธิภาพของ Cryptocurrency ในเรื่องของการเป็นระบบตัวกลางในการให้บริการทำธุรกรรมโอนเงินต่างๆ ทำให้คนเห็นถึงการที่จะนำ Cryptocurrency เข้ามาใช้ให้เกิดขึ้นจริง แต่ยังคงเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาในการที่ทำให้ทุกคนเกิดการยอรับ เพราะในปัจจุบัน Cryptocurrency มีการใช้ในแง่ของสินทรัพย์ในการลงทุนเป็นหลักมากกว่า

สำหรับการลงทุนยอมรับว่า Cryptocurrency ถือว่าเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่สูง และมีความเสี่ยงและความผันผวนเช่นเดียวกัน แต่มองว่ายังเป็นหนึ่งในทางเลือกการลงทุนยังมีความน่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่สามารถยอมรับความเสี่ยงที่สูงมากได้ เพราะเมื่อเปรียบเทียบพอร์ตการลงทุนที่มี Cryptocurrency อยู่ในพอร์ตเพียงเล็กน้อยไม่เกิน 5% กับพอร์ตที่ไม่มี Cryptocurrency อยู่ในพอร์ตแล้ว พบว่าพอร์ตที่มี Cryptocurrency เพียงเล็กน้อยไม่เกิน 5% กลับให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าพอร์ตที่ไม่มีการลงทุนใน Cryptocurrency

จากปัจจัยดังกล่าวถือว่า Cryptocurrency ถือว่าเป็นหนึ่งในทางเลือกการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงที่มีความน่าสนใจที่จะเข้ามาช่วยเสริมศักยภาพของพอร์ตการลงทุนในการสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น แต่ต้องแลกมากับความเสียงที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่มีการยอมรับและเข้าลงทุน Cryptocurrency มากขึ้น ซึ่งสะท้อนภาพตลาด Cryptocurrency ที่เติบโตต่อเนื่อง และมีมูลค่าสูงขึ้น แต่การลงทุนใน Cryptocurrency แนะนำว่าควรจับจังหวะการลงทุนที่เหมาะสมในการเข้าลงทุน เพราะจะเป็นวิธีที่ทำให้การลงทุนใน Cryptocurrency สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน และแนะนำว่าไม่ควรลงทุนเกินสัดส่วน 5% ในพอร์ตการลงทุน

นายอัฏฐ์ ทองใหญ่ อัศวานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล จำกัด ในเครือบมจ.เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล (XPG) กล่าวว่า สินทรัพย์และสกุลเงินดิจิทัลเป็นสิ่งที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงในเรื่องการเงินและการลงทุนในอนาคต และจะมีบทบาทมากขึ้น แม้ว่าในปัจจุบันการนำ Cryptocurrency มาใช้จริงจะยังไม่แพร่หลายมาก แต่เริ่มมีหลายๆองค์กรเริ่มเปิดรับ รวมถึงผู้ให้บริการด้านธุรกรรมทางการเงินรายใหญ่ในโลก เช่น VISA และ Master Card ที่เริ่มมีการออกผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตที่ชำระด้วย Cryptocurrency ออกมา สะท้อนภาพของการเริ่มเปิดโอกาสในการนำ Cryptocurrency เข้ามาใช้จริง

สำหรับในแง่ของการลงทุนในส่วนของการเก็งกำไรยอมรับว่าเป็นที่นิยมมากขึ้น และคนเริ่มรู้จักเข้ามาลงทุน เพื่อหาโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าสินทรัพย์อื่นๆที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงการที่มีการออก ICO สินทรัพย์ดิจิทัลออกมา ซึ่งปัจจุบันก็เริ่มเห็นผู้ประกอบการต่างๆมีความสนใจที่จะเข้ามาระดมทุนผ่านสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น แต่ยังต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจในเรื่องต่างๆ รวมถึงในส่วนของผู้ลงทุนด้วย ที่อาจจะยังไม่เข้าใจในเรื่องของสินทรัพย์ดิจิทัลมาก ทำให้ยังต้องมีการให้ความรู้ในเรื่องของการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น เพื่อทำให้ผู้ประกอบการและผู้ลงทุนมีความเข้าใจและเห็นประโยชน์เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่มองว่าเป็นอุปสรรคที่ทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลและ Cryptocurrency ในประเทศไทยยังมีข้อจำกัดอยู่ คือ เรื่องการจัดเก็บภาษี ที่ยังมีการจัดเก็บภาษีในการออก ICO รวมถึงการจัดเก็บภาษีที่มาจากการลงทุนใน Cryptocurrency และสินทรัพย์ดิจิทัล ส่งผลให้นักลงทุนและผู้ประกอบการจะชะลอเพื่อรอดูความชัดเจนก่อน ส่งผลให้การผลักดันการลงทุนเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล และ Cryptocurrency เกิดการสะดุดชั่วครวไปบ้าง แม้ว่าหน่วยงานกำกับของไทยจะเปิดกว้างในการลงทุน แต่ยังต้องมีความชัดเจนในเรื่องของภาษีที่จะเข้ามาเป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีผลต่อการลงทุนดวยเช่นกัน

นางสาวจิตตินันท์ ชาติสีหราช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเคน เอกซ์ จำกัด (Token X) บริษัทในเครือเอสซีบี เท็นเอกซ์ (SCB 10X) ภายใต้ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) กล่าวว่า หน่วยงานกำกับในประเทศไทยถือว่ามีการเปิดกว้างในการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัลและ Cryptocurrency ค่อนข้างมาก จากที่ผ่านมาที่มีการเปิดให้มีการลงทุนใน Cryptocurrency และมีการออก ICO สินทรัพย์ดิจิทัลออกมา ซึ่งเป็นก้าวแรกที่ดีในการเริ่มเปิดรับ

อย่างไรก็ตาม การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลและ Cryptocurrency ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ที่ยังต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ รวมถึงความผันผวนของสินทรัพย์ดิจิทัลและ Cryptocurrency ที่สูงมาก อีกทั้งการที่จะนำไปใช้ทดแทนสกุลเงินหลักยังไม่มีการยอมรับในเชิงกฎหมาย ส่งผลให้กระบวนการของการผลักดันการลงทุนและการออก ICO สินทรัพย์ดิจิทัลและ Cryptocurrency ต้องมีการใช้ระยะเวลาในการพิจารณาที่นานกว่าจะเห็นผลออกมาจริง เพื่อเป็นการปิดความเสี่ยงต่างๆที่มีโอกาสเกิดขึ้น

โดยที่การนำสินทรัพย์ดิจิทัลและ Cryptocurrency ไปใช้จริงนั้น ยังคงต้องรอการยอมรับในกว้างมากขึ้น ซึ่งอาจจะไม่ง่ายมากนักที่จะสามารถมาทดแทนสกุลเงินหลักที่ใช้อยู่ 100% ได้อย่างรวดเร็ว จากการที่ยังไม่มีหน่วยงานที่รองรับการใช้อบ่างเป็นทางการ ความผันผวนที่สูง และความน่าเชื่อถือในการนำไปใช้ ทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลและ Cryptocurrency ยังคงต้องมีการพิสูจน์ตัวเองว่ามีศักยภาพและมีความน่าเชื่อถือที่ดีกว่าสกุลเงินหลักของโลกนี้ที่ใช้อยู่ ซึ่งหากมีคนในวงกว้างเห็นถึงประโยชน์ที่มากกว่าและยอมรับมากขึ้น จะทำให้การนำสินทรัพย์ดิจิทัลและ Cryptocurrency เกิดการใช้จริงขึ้นอย่างแพร่หลาย ซึ่งต่อยอดจากในปัจจุบันที่เป็นสิ่งที่คนเข้าไปลงทุนเพื่อเก็งกำไร


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ