นายวรศักดิ์ เกรียงโกมล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อีเทอเนิล เอนเนอยี (EE) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/64 บริษัทพลิกมีกำไรสุทธิ 31.19 บาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 41.78 ล้านบาท โดยมีรายได้รวมจำนวน 91.92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 89.32 ล้านบาท หรือ 3,440.58% ส่งผลให้สำหรับงวด 9 เดือนบริษัทพลิกมีกำไร 184 ล้านบาท จากที่ขาดทุน 30.76 ล้านบาทในงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทได้จำหน่ายเงินลงทุนธุรกิจโรงไฟฟ้าในบริษัทย่อยคือ บริษัท เอสเอสยูที จำกัด (SSUT) จำนวน 7,297,500 หุ้นให้แก่ บริษัท อีสเทอร์น โคเจนเนอเรชั่น จำกัด (E-COGEN) มูลค่า 1,246,121,100 บาท เมื่อวันที่ 23 ก.ย.64
ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับภาพธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปและการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ คณะกรรมการบริษัทจึงมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายธนะชัย สันติชัย ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 16 พ.ย.64 นายธนะชัย มีประสบการณ์การดำรงตำแหน่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหาร กรรมการ หรือที่ปรึกษาในองค์กรต่างทั้งบริษัทจำกัด บริษัทมหาชน ตลอดจนองค์กรไม่แสวงหากำไรหลากหลายประเภท เชื่อว่าจะเป็นการเติมเต็มให้คณะกรรมการของ EE มีทั้งความหลากหลายและความเข้มแข็ง และจะเป็นกำลังสำคัญในการนำพาบริษัทฯ สู่ทิศทางการบริหารที่แข็งแรงมั่นคง
ส่วนความก้าวหน้าของธุรกิจกัญชา-กัญชงที่บริษัทได้เข้าลงทุนใน บริษัท แคนนาบิซเวย์ จำกัด (CW ) ที่มีเทคโนโลยีที่โดดเด่นในวิธีการปลูกกัญชง-กัญชาทั้งในโรงเรือน (Greenhouse) และกลางแจ้ง (Outdoor) คาดว่าน่าจะได้รับใบอนุญาตปลูก (ผลิต) กัญชงอย่างเป็นทางการจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ในช่วงเดือน ธ.ค.นี้ ซึ่งทาง CW ก็พร้อมที่จะเริ่มปลูกกัญชงคุณภาพสูงบนพื้นที่กว่า 36 ไร่
"การเข้าลงทุนในบริษัท CW มีความโดดเด่นแต่ยังเป็นการประกอบธุรกิจเพียงช่วงต้นน้ำในขณะที่บริษัทมีแผนเข้าดำเนินธุรกิจกัญชา-กัญชงอย่างครบวงจร ทั้งต้นน้ำ-กลางน้ำ-ปลายน้ำ เรายังมีโครงการอื่นๆ อยู่ในระหว่างการพิจารณา ที่ประชุมคณะกรรมการฯ จึงเห็นสมควรให้จัดตั้งบริษัทย่อยใหม่ เพื่อเตรียมความพร้อมในการประกอบธุรกิจให้สอดคล้องกับแผนการดำเนินงานของบริษัทอย่างทันท่วงที" นายวรศักดิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม การลงทุนหรือพัฒนาธุรกิจกัญชา-กัญชงให้ครบวงจรนั้นมีความจำเป็นที่ต้องใช้เงินทุนที่เพียงพอ ที่ประชุมคณะกรรมการฯ จึงเสนอให้มีการจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/65 ในวันที่ 4 ม.ค.65 เพื่อขอพิจารณาอนุมัติการออกและเสนอขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทรุ่นที่ 1 (EE-W1) จำนวนไม่เกิน 1,390,000,000 หน่วยให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน 2 ต่อ 1 หน่วยของ EE-W1 โดยไม่คิดมูลค่า และพิจารณาอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียน 1,390,000,000 บาท จาก 2,780,000,000 บาท เพื่อรองรับการใช้สิทธิใบแสดงสิทธิ EE-W1