GRAMMY ปลื้มยอดคอนเสิร์ตปลายปีดันรายได้เข้าเป้า/ยังยึดหลักธุรกิจเพลง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 1, 2007 17:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          GRAMMY เผยผลสำเร็จดันคอนเสิร์ตรุ่นใหญ่กระตุ้นรายได้ช่วงปลายปี ผู้ชมตอบรับดีเกินคาด มีส่วนสำคัญช่วยดันรายได้ปีนี้ใกล้เคียง 6.6 พันล้านบาทตามที่นักวิเคราะห์คาด ขณะที่ปี 51 คาดรายได้เติบโตในอัตราสูงกว่าปีนี้ที่ภาวะเศรษฐกิจซบทำอัตราเติบโตเหลือแค่ 10% ยังเชื่อมั่นธุรกิจเพลงเดินไปได้สวยในอนาคตและยังสร้างรายได้หลักต่อไป แต่ต้องนำ Asset ในมือมาปรับรูปแบบการสร้างรายได้ให้ทันยุคสมัยและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป 
นายสิริชัย ตันติพงศ์อนันต์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานบัญชีการเงิน บมจ. จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ (GRAMMY) และ บมจ. จีเอ็มเอ็ม มีเดีย (GMMM) กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"ว่า สิ่งที่แกรมมี่กำลังทำคือพยายามหาธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องใหม่ๆ เข้ามาต่อยอดรายได้ โดยเฉพาะอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเพลง อย่างคอนเสิร์ตที่กำลังอยู่ในกระแสความนิยม
"ในเมื่อเรามีศิลปินอยู่ในมือ ก็เอาสิ่งที่เรามีอยู่แล้วมาทำให้เกิดรายได้ เราพยายามจะเลือกให้ตรงกับความต้องการของคนดูให้มากที่สุด"นายสิริชัย กล่าว
ในปีนี้แกรมมี่จัดคอนเสิร์ตค่อนข้างมาก โดยเฉพาะปลายปีจะมีคอนเสิร์ตเด่นๆ อาทิ อัสนี-วสันต์ ร่ำไร คอนเสิร์ต, Absolute Serenade Night with NUVO, คอนเสิร์ต"บาวเบญจเพส" และเป็นที่น่าสังเกตแทบจะทุกคอนเสิร์ตได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เห็นได้จากยอดขายบัตรเต็มทุกที่นั่งทั้ง ๆ ที่เปิดขายเพียงไม่กี่วัน อาจจะมาจากปีนี้ประเทศไทยมีเรื่องเครียดมาก ผู้คนจึงอยากผ่อนคลาย เมื่อมีคอนเสิร์ตที่น่าสนใจจึงเข้ามาซื้อบัตรกันเป็นจำนวนมาก
"ดูเหมือนปีนี้เราจะรุกคอนเสิร์ตมาก รวมคอนเสิร์ตใหญ่ สเกลขนาดอิมแพคฯ กับสถานที่อื่นๆขนาด 5 พันที่นั่ง ตามผับ ร้านอาหารต่างๆรวมแล้วก็ไม่ต่กว่า 100 รายการ ปีหน้าก็คงประมาณนี้ แต่จริงๆแล้วรายได้จากคอนเสิร์ตยังน้อยอยู่ แค่ 11-12%"นายสิริชัย กล่าว
นายสิริชัย กล่าวว่า ปัจจุบันรายได้หลัก 65% มาจากธุรกิจคอนเท้นท์ ประกอบด้วยธุรกิจเพลงมากกว่า 50%, ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับเพลง เช่นคอนเสิร์ตและโชว์ 11-12%, ธุรกิจภาพยนตร์ 7-10% ขึ้นอยู่กับจำนวนหนังเข้าฉายในแต่ละปี ส่วนรายได้อีก 35% มาจากธุรกิจมีเดีย ซึ่งอยู่ในการดูแลของ GMMM
รายได้ของ GRAMMY ในปี 51 น่าจะมีอัตราเติบโตดีกว่าปีนี้ที่เติบโตไม่ถึง 10% จากผลกระทบภาวะเศรษฐกิจ และประเด็นอื่น ๆ แต่เชื่อปีหน้าปัจจัยทุกด้านจะดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ในปี 50 รายได้ของ GRAMMY น่าจะออกมาใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้ที่ 6.6 พันล้านบาท โดยก่อนหน้านี้ GRAMMY เคยตั้งเป้ารายได้ปีนี้ไว้ที่ 6.5 พันล้านบาท
"ปีนี้ก็อาจจะออกมาใกล้เคียง 6.6 พันล้านบาทอย่างที่นักวิเคราะห์คาดการณ์"นายสิริชัย กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
*เชื่อมั่นในเส้นทางธุรกิจเพลง ส่งอัลบั้มเข้าตลาดต่อเนื่อง-ใช้ asset ต่อยอดรายได้
นายสิริชัย กล่าวว่า GRAMMY ยังคงจะรักษาความเป็นยักษ์ใหญ่ด้านธุรกิจบันเทิง แนวทางด้านธุรกิจของบริษัทจะพยายามหาอะไรใหม่ๆเข้ามาเสริมให้แกรมมี่เป็นธุรกิจบันเทิงมากกว่าความเป็นค่ายเพลง โดยนำ Asset ต่างๆที่มีอยู่ในมือมาต่อยอดรายได้ โดยเฉพาะ Asset ในธุรกิจเพลง ซึ่งจะเป็นแนวทางที่บริษัทจะยึดเป็นหลักต่อไปในปี 51
"ทุกวันนี้รายได้หลักของเราก็ยังมาจากธุรกิจเพลงมากกว่า 50% เพราะมองว่าธุรกิจเพลงในวันนี้และวันหน้าก็ยังไปได้ด้วยดี เพียงแต่ด้วยยุคสมัยและกาลเวลาที่เปลี่ยนแปลง พฤติกรรมของผู้บริโภคก็เปลี่ยนไปชอบอะไรที่แปลกๆใหม่ คู่แข่งก็เปลี่ยนไป หากเราหยุดนิ่งอยู่กับที่ก็คงอยู่ไม่ได้""
นายสิริชัย กล่าวว่า สำหรับคอนเทนท์ในส่วนของธุรกิจเพลง สัดส่วนรายได้จากเพลงสตริงและเพลงไทยสากลคิดเป็น 55-60% และเพลงลูกทุ่ง 40-45% เป็นในปี 51 ตัวเลขสัดส่วนรายได้จะยังคงอยู่อย่างนี้ โดยบริษัทจะยังมีอัลบั้มเพลงของศิลปินในเครือออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง ทั้งแนวเพลงที่จับกลุ่มผู้ฟังวัยรุ่น ซึ่งตลาดยังเติบโต ขณะเดียวกันตลาดกลุ่มผู้ฟังที่ระดับอายุ 30 ปีขึ้นไปก็จะมีอัลบั้มใหม่ๆออกมาด้วย
ในปลายปีนี้ GRAMMY มีอัลบั้มใหม่ที่จะวางแผง คือ เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์, เจ เจตริน, บี้ เดอะสตาร์
ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับเพลง เช่นคอนเสิร์ตและโชว์ คิดเป็น 11-12% ของรายได้ของ GRAMMY โดยคาดว่าจะมีจำนวนคอนเสิร์ตใหญ่ (ใช้สถานที่อิมแพค เมืองทองธานี) และคอนเสิร์ตเล็กๆ ตามสถานที่ต่างๆ เช่น สยามพารากอน เซ็นทรัลเวิล์ด ขนาด 5 พันที่นั่ง รวมถึงผับ ร้านอาหารต่างๆ รวมกันไม่ต่ำกว่า 100 รายการใกล้เคียงกับปีนี้
บริษัทยังมีความร่วมมือกับค่ายเพลงในญี่ปุ่น เกาหลี และจีนในการส่งศิลปินไทยที่มีทักษะ และความสามารถระดับมาตรฐานสากลให้ไปแสดงยังประทศต่างๆ ในเอเชีย หรือโครงการ Cross Culture ซึ่งเป็น Trend ทั่วโลกที่กำลังมาแรงในขณะนี้ โดยศิลปินไทยที่มีโอกาสไปแสดงในต่างประเทศ เช่น กอล์ฟ-ไมค์, "เจมส์" เรืองศักดิ์ ที่ไปออกอัลบั้มที่ประเทศเกาหลี หรืออย่าง"ไอซ์" ศรันยู วินัยพานิช ก็มีโอกาสไปออกอัลบั้มที่ญี่ปุ่นจนเป็นที่นิยมติดชาร์ตอันดับ 1 ของญี่ปุ่นมาแล้ว
นายสิริชัย กล่าวว่า ส่วนธุรกิจมีเดียภายใต้ GMMM ประกอบด้วยโทรทัศน์ 40%, อีเวนท์ และ Activity ในลักษณะ Below the line ต่างๆ เช่น งานแสดงสินค้า งาน Expo นิทรรศงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประมาณ 25%, วิทยุ 23% และ สิ่งพิมพ์ 9% โดยคาดว่าปี 51 สัดส่วนจะยังใกล้เคียงกับปีนี้
"ปีหน้าตัวเลขมีเดียคงใกล้เคียงปีนี้ เพราะความสามารถในการผลิตเรายังมีเท่าเดิม หากชั่วโมงในการทำรายการไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงก็จะยืนอยู่ใกล้ๆเดิม เพราะธุรกิจมีเดียขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจเป็นส่วนใหญ่ ถ้าเศรษฐกิจดีขึ้น คนกล้าใช้งบโฆษณามากขึ้น ซึ่งตอนนี้มีปัจจัยเลือกตั้งเข้ามาช่วยหนุน ทำให้เชื่อว่าทิศทางธุรกิจมีเดียในปีหน้าน่าจะดีขึ้นจากปีนี้ แต่คงไม่หวือหวา"นายสิริชัย กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ