(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นเกาหลีใต้:พิษดาวโจนส์ร่วงถ่วงคอมโพสิตปิดรูดลง 67.05 จุด

          ดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดร่วงลงอย่างหนักในวันนี้(12 พ.ย.) ตามการปิดลบของตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วทั้งภูมิภาคเอเชีย และทุบตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดร่วงลงกว่า 3%
          โดยบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นได้รับผลกระทบหลังจากที่แบงก์ ออฟ อเมริกา คอร์ป เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และวาโชเวีย คอร์ป ได้ออกมาเตือนว่า วิกฤตสินเชื่อจะเป็นปัจจัยที่ฉุดเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ให้ซบเซาลงอีกครั้ง
           นอกจากนี้ การเปิดเผยข้อมูลดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคประเดือนพ.ย.ของมหาวิทยาลัยมิชิแกนที่ร่วงลงต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2548 ที่บ่งชี้ถึงความกังวลต่อเศรษฐกิจสหรัฐก็เป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นด้วยเช่นกัน
          โดยในวันนี้นักลงทุนต่างชาติและนักลงทุนสถาบันได้พากันเทขายออกมาเป็นจำนวนมากจนฉุดให้ดัชนีร่วงลงมาเกือบแตะระดับแนวรับที่ 1,900 จุด ก่อนที่จะฟื้นตัวขึ้นจากแรงซื้อเก็งกำไรของนักลงทุนรายย่อยก่อนที่ตลาดจะปิดทำการ
          สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนีคอมโพสิตปิดทรุดตัวลง 67.05 จุด หรือ 3.4% แตะที่ระดับ 1,923.42 จุด หลังจากปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดที่ 1,901.87 จุด ซึ่งนับเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่วันที่ 22 ต.ค.ซึ่งดัชนีดิ่งลงมาอยู่ที่ 1,903.81 จุด
          คิม จุง ฮุน นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์กู้ดมอร์นิ่ง ชินฮานเปิดเผยว่า "ปริมาณการซื้อขายในวันนี้มีอยู่อย่างเบาบาง และการซื้อขายที่ผันผวนในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นเกาหลีใต้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้"
          คิมกล่าวว่า "เมื่อใดก็ตามที่สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่รายงานความเสียหายที่เกิดจากวิกฤตซับไพรม์ออกมาอีก บรรยากาศการซื้อขายในตลาดที่จะผันผวนอีกครั้ง ดังนั้นผมจึงไม่แนะนำให้นักลงทุนเข้าซื้อทำกำไรในระยะนี้"
          โดยในวันนี้ตลาดมีปริมาณการซื้อขายอยู่ที่ 308 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 6.9 ล้านล้านวอน 
          หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีปิดดิ่งลงตามหุ้นกลุ่มเดียวกันในตลาดสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยหุ้นซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ที่ปิดร่วงลง 1.5% และหุ้นแอลจี ฟิลิปส์ปิดดิ่งลง 2.8%
          นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มต่อเรือ เครื่องจักร และขนส่งปิดร่วงลงหลังจากที่ธนาคารกลางจีนประกาศเพิ่มสัดส่วนกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ภายในประเทศ หลังจากที่หุ้นกลุ่มดังกล่าวปรับตัวเพิ่มขึ้นซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการคาดการณ์ที่ว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนจะช่วยกระตุ้นภาคธุรกิจเหล่านี้ให้คึกคักมากขึ้น
          ทั้งนี้ หุ้นฮุนได เฮฟวี่ปิดดิ่งลง 3.6% หุ้นดูซาน เฮฟวี่ปิดทรุดตัวลง 8.0%