บมจ.สยามแม็คโคร (MAKRO) เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนและหุ้นสามัญเดิมไม่เกิน 2,270 ล้านหุ้น หลังสำนักงานคณะ กรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) นับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูล โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XB วันแรกวันที่ 22 พ. ย.นี้ โดยวันที่กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นเดิมของ MAKRO CPALL และ CPF ที่จะได้รับการจัดสรรหุ้นบางส่วนจากหุ้นสามัญของบริษัทฯ ทั้งหมดที่ จะเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไป (PO) ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมทั้ง 3 บริษัทเป็นวันที่ 23 พ.ย.นี้ จัดสรรตามสัดส่วนการถือหุ้นสามัญเดิม ผ่านตัว แทนรับจองซื้อหุ้นทางออนไลน์และสาขาทั่วประเทศของธนาคารไทยพาณิชย์และธนาคารกรุงเทพ ส่วนนักลงทุนรายย่อยจัดสรรด้วยวิธี Small Lot First ผ่านตัวแทนจำหน่ายหุ้นทางออนไลน์และสาขาทั่วประเทศของธนาคารไทยพาณิชย์และธนาคารกรุงเทพ และ TrueMoney Wallet โดย บล.เคทีบีเอสที
นางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ใน ฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า สำนักงาน ก.ล.ต. ได้นับหนึ่งแบบไฟลิ่งของ MAKRO เพื่อเสนอขายหุ้น (PO) จำนวนไม่เกิน 2,270,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท
การเสนอขายหุ้นสามัญครั้งนี้จะทำให้สามารถเพิ่มสัดส่วนการกระจายการถือหุ้นโดยผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) เป็นไม่ ต่ำกว่า 15% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ตามเกณฑ์ขั้นต่ำของตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขายหุ้นของ บริษัทฯ อีกทั้งส่งผลให้หุ้นของบริษัทฯ เป็นที่สนใจของนักลงทุนสถาบันทั้งในไทยและต่างประเทศ รวมถึงมีโอกาสได้รับเลือกเข้าสู่การคำนวณ ในดัชนีที่สำคัญต่าง ๆ โดย MAKRO จะนำเงินจากการระดมทุนไปใช้ขยายธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งทั้งในไทยและต่างประเทศ รวมถึงนำไป ชำระเงินกู้ยืมสถาบันการเงินบางส่วน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการต่อไป
ทั้งนี้ การเสนอขายหุ้นสามัญดังกล่าวแก่ผู้จองซื้อรายย่อย จะจัดสรรหุ้นด้วยวิธี Small Lot First ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ของ บริษัท เซ็ทเทรด ดอท คอม จำกัด (SETTRADE) โดยจองซื้อผ่านตัวแทนจำหน่ายหุ้น (Selling Agents) 3 ราย ได้แก่ (1) แอ ปพลิเคชัน SCB Easy (2) แอปพลิเคชัน Bangkok Bank Mobile Banking และ (3) แอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet โดย บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที โดย MAKRO จะแจ้งช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้นให้ทราบ หลังจากได้รับอนุมัติแบบคำขอเสนอขายหลักทรัพย์ และแบบไฟลิ่งมีผลใช้บังคับแล้ว
นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บล.บัวหลวง ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและ รับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า ผู้ถือหุ้นเดิมของ MAKRO คือ บมจ. ซีพี ออลล์ จำกัด (CPALL) และ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) ที่จะได้รับการจัดสรรหุ้นสามัญของบริษัทฯ ทั้งหมดที่จะเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไป (PO) ได้กำหนดให้วันที่ 22 พ.ย.64 เป็นวัน ที่ขึ้นเครื่องหมาย XB วันแรก กล่าวคือผู้ที่ซื้อหุ้นสามัญของ MAKRO และ CPALL และ CPF ในวันดังกล่าวข้างต้นเป็นต้นไป จะไม่ได้รับสิทธิ จองซื้อหุ้นสามัญ MAKRO ที่เสนอขายในครั้งนี้
และวันที่ 23 พฤศจิกายนนี้ จะเป็นวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นเดิม (Record Date) ของ MAKRO CPALL และ CPF ที่จะได้ รับการจัดสรรหุ้น ซึ่งมีอัตราส่วนการใช้สิทธิ (Ratio) จองซื้อหุ้นสามัญ MAKRO ที่มีการกำหนดไว้ดังนี้ (1) ผู้ถือหุ้นเดิมของ MAKRO ใน อัตราส่วน 10 หุ้นสามัญของ MAKRO ต่อ 1 หุ้นสามัญของ MAKRO ที่เสนอขาย (2) ผู้ถือหุ้นเดิมของ CPALL ในอัตราส่วน 15 หุ้นสามัญ ของ CPALL ต่อ 1 หุ้นสามัญของ MAKRO ที่เสนอขาย และ (3) ผู้ถือหุ้นเดิมของ CPF ในอัตราส่วน 70 หุ้นสามัญของ CPF ต่อ 1 หุ้น สามัญของ MAKRO ที่เสนอขาย
ส่วนผู้ถือหุ้นเดิมที่ได้รับสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญ MAKRO สามารถจองซื้อผ่านตัวแทนรับจองซื้อหุ้น (Subscription Agents) 2 ราย ได้แก่ การจองซื้อผ่านแอปพลิเคชัน SCB Easy และแอปพลิเคชัน Bangkok Bank Mobile Banking หรือจองซื้อได้ที่สาขาของ ธนาคารไทยพาณิชย์และธนาคารกรุงเทพทุกสาขา ตามสิทธิที่ได้รับจัดสรร หรือเกินกว่าสิทธิที่ได้รับจัดสรร โดยไม่กำหนดจำนวนจองซื้อสูงสุด ของการจองซื้อหุ้นเกินกว่าสิทธิที่ได้รับการจัดสรร) หรือน้อยกว่าสิทธิที่ได้รับจัดสรรก็ได้
การจัดสรรหุ้นจะจัดสรรโดยระบบของ SETTRADE จะจัดสรรหุ้นตามสิทธิที่ได้รับแก่ผู้ถือหุ้นเดิมทุกรายที่จองซื้อในรอบแรก โดย สิทธิในการได้รับจัดสรรหุ้นสามัญเกินกว่าสิทธิของผู้ถือหุ้นเดิมทั้ง 3 บริษัทแต่ละราย จะคำนวณจากการนำสิทธิของผู้ถือหุ้นเดิมของทั้ง 3 บริษัทที่แสดงความจำนงจองซื้อเกินกว่าสิทธิที่ยังได้รับการจัดสรรไม่ครบในแต่ละรอบมารวมกัน และจะจัดสรรเพิ่มแก่ผู้จองซื้อเกินกว่าสิทธิ ของผู้ถือหุ้นเดิมใน MAKRO CPALL และ CPF จนกว่าหุ้นจะหมดหรือครบตามจำนวนที่มีผู้ถือหุ้นเดิมใช้สิทธิจองซื้อ ทั้งนี้จะเป็นไปตามราย ละเอียดตามที่เปิดเผยในไฟลิ่ง
ส่วนกรณีที่ผู้จองซื้อหุ้นรายเดียวกันยื่นใบจองซื้อมากกว่า 1 ใบ ระบบการจัดสรรของ SETTRADE จะรวมจำนวนหุ้นที่จองซื้อ จากทุกใบจองเป็นยอดเดียว ทั้งนี้ สำหรับผู้ถือหุ้นเดิมที่มีสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญ สามารถตรวจสอบสิทธิที่ได้รับจัดสรรทาง www.settrade.com ได้ตั้งแต่วันที่ 29 พ.ย.64 เป็นต้นไป
นางสุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจสยามแม็คโคร (ธุรกิจค้าส่ง) เปิดเผยว่า หลังจากที่ MAKRO รับโอนกิจการทั้งหมดของกลุ่มโลตัสส์แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 25 ต.ค.64 ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่ยกระดับสู่การเป็นผู้ประกอบการชั้น นำด้านธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกอาหารและสินค้าอุปโภคบริโภคในภูมิภาคเอเชีย ส่งผลให้ MAKRO มีธุรกิจแบบครบวงจร ครอบคลุมธุรกิจค้าส่ง แบบ B2B (Business to Business หรือ การค้ากับผู้ประกอบการ) ธุรกิจค้าปลีกแบบ B2C (Business to Consumer หรือ การ ค้ากับผู้บริโภค) และธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าในศูนย์การค้าในประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย ช่วยเพิ่มโอกาสและศักยภาพในการขยาย ตลาดต่างประเทศ โดยใช้จุดแข็งและความเชี่ยวชาญของ MAKRO และกลุ่มโลตัสส์ขยายธุรกิจ เพื่อสนับสนุน SMEs ผู้ผลิตสินค้ารายย่อยของ ไทยผ่าน "แพลตฟอร์มแห่งโอกาส" เพื่อนำเสนอสินค้าไทยที่มีคุณภาพสู่ผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชียและสร้างการยอมรับสู่ระดับสากล
ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 ก.ย.64 MAKRO มีศูนย์จำหน่ายสินค้ารวม 145 สาขา ประกอบด้วย สาขาในไทย 138 สาขา และต่าง ประเทศ 7 สาขา ได้แก่ กัมพูชา อินเดีย (ภายใต้แบรนด์ "LOTS Wholesale Solutions") จีน และเมียนมา และมีการจำหน่ายสินค้า ผ่านแพลตฟอร์ออนไลน์ ได้แก่ เว็บไซต์ Makroclick.com Makro Application และ Makro Line Official Account
ส่วนกลุ่มโลตัสส์ ณ วันที่ 30 ก.ย.64 มีร้านค้ารวม 2,164 แห่งทั่วประเทศไทย ประกอบด้วย ร้านไฮเปอร์มาร์เก็ต 222 แห่ง ซูเปอร์มาร์เก็ต 192 แห่ง และมินิซูเปอร์มาร์เก็ต 1,750 แห่ง อีกทั้งกลุ่มโลตัสส์ยังเป็นผู้นำธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้า ในไทยเมื่อพิจารณาจากศูนย์การค้าที่มีการบริหารพื้นที่เช่า 199 แห่ง มีพื้นที่รวมประมาณ 720,000 ตารางเมตร (ไม่รวมศูนย์การค้าที่ลง ทุนโดยกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าโลตัสส์ รีเทล โกรท (LPF) รวม 23 แห่ง)
นอกจากนี้ กลุ่มโลตัสส์ยังเป็นผู้ประกอบการชั้นนำในธุรกิจค้าปลีกและธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้าในประเทศ มาเลเซียที่ดำเนินธุรกิจผ่าน Lotus?s Malaysia ซึ่งเป็นบริษัทย่อย โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 มีร้านไฮเปอร์มาร์เก็ต 46 แห่ง ซูเปอร์มาร์เก็ต 16 แห่ง และบริหารพื้นที่เช่าในศูนย์การค้า 57 แห่ง คิดเป็นพื้นที่ให้เช่าสุทธิรวมประมาณ 296,000 ตร.ม. มีอัตราเช่า พื้นที่ร้อยละ 92
บริษัทมั่นใจว่าจากการรับโอนกิจการทั้งหมดของกลุ่มโลตัสส์จะเกิดการสร้างมูลค่าจากการเสริมศักยภาพซึ่งกันและกัน (synergy) ช่วยลดการลงทุนที่ซ้ำซ้อนในระบบหน่วยงานสนับสนุน (Back Office) โดยจะร่วมมือกันพัฒนาร้านค้าและช่องทางจำหน่าย สินค้าที่ครบครัน (omni-channel) ให้ครอบคลุมหลากหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียใต้และอาเซียนที่ยังมีอัตราการเข้าถึงร้านค้าปลีก สินค้าอุปโภคบริโภคสมัยใหม่ในระดับต่ำ เช่น กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม (CLMV) อินเดีย เป็นต้น ผ่านการพัฒนาแพลตฟอร์ม O2O ที่เป็นการผสมผสานระหว่างช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ (offline and online) ในกลุ่มสินค้าอาหารสดและสินค้าอุปโภคบริโภค และ ความสามารถที่ส่งเสริมซึ่งกันและกันในการจัดหาสินค้าเพื่อตอบสนองผู้บริโภคและสร้างประสบการณ์ที่ดีในการเลือกซื้อสินค้า โดยจะใช้แพ ลตฟอร์มทางธุรกิจที่แข็งแกร่งในไทย ต่อยอดสร้างแพลตฟอร์มค้าส่งและค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคหลากหลายรูปแบบในทวีปเอเชีย โดยเน้น ภูมิภาคเอเชียใต้และอาเซียน
ส่วนผลการดำเนินงานตามข้อมูลทางการเงินรวมเสมือนงวด 9 เดือนแรกปี 64 ซึ่งรวมงบการเงินในอดีตของกลุ่มโลตัสส์หลัง ปรับปรุงรายการเกี่ยวกับการซื้อขายธุรกิจเทสโก้และธุรกรรมการจัดหาเงิน รวมถึงปรับปรุงรายการที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมการรับ โอนกิจการทั้งหมด การจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้กับบุคคลในวงจำกัด และธุรกรรมการรีไฟแนนซ์ บริษัทมีรายได้รวม 319,563 ล้านบาท และมี กำไรสุทธิ 5,344 ล้านบาท ขณะที่ผลการดำเนินงานในปี 63 MAKRO มีรายได้รวม 218,760 ล้านบาท และกำไรอยู่ที่ 6,524 ล้านบาท ขณะที่ บจ. ซี.พี. รีเทล ดีเวลลอปเม้นท์ ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่ถือหุ้นในกิจการโลตัสส์ในไทยและมาเลเซีย มีรายได้รวมเสมือน 211,107 ล้านบาท และกำไรรวมเสมือน 1,514 ล้านบาท ซึ่งกล่าวได้ว่าหลังจากการรับโอนกิจการ MAKRO จะกลายเป็นบริษัท ที่มีราย ได้รวมถึง 429,867 ล้านบาท
การที่ MAKRO รับโอนกิจการทั้งหมดของกลุ่มโลตัสส์เป็นการปรับโฉมทางธุรกิจ โดยมีตำแหน่งทางการตลาด (market positioning) และกลยุทธ์ที่โดดเด่น ซึ่งจะเพิ่มศักยภาพและโอกาสการขยายธุรกิจในระดับภูมิภาค รวมถึงยกระดับเป็นผู้ประกอบการค้า ปลีกและค้าส่งรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อพิจารณาจากยอดขายค้าปลีกในปี 2563 อยู่ที่ 1.29 หมื่นล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ โดย MAKRO ถือเป็นผู้ประกอบการค้าส่งรายใหญ่อันดับ 2 ในทวีปเอเชียเมื่อพิจารณาจากยอดขายปี 2563 ขณะที่กลุ่มโลตัสส์เป็นผู้ ประกอบธุรกิจค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำ ที่มีร้านค้าหลากหลายรูปแบบอยู่ทั่วประเทศ และเป็นผู้ประกอบการชั้นนำที่ดำเนินธุรกิจร้าน ไฮเปอร์มาร์เก็ตในศูนย์การค้าของบริษัทฯ ในประเทศไทยและมาเลเซีย