นางสาวปิยพร พรรณเชษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทีซีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น (TCMC) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/64 ยังมีแรงกดดันจากปัญหาในเรื่องการขาดแคลนซัพพลายในการใช้ผลิตพรมและเฟอร์นิเจอร์ ส่งผลให้การผลิตพรมและเฟอร์นิเจอร์ส่งมอบให้กับลูกค้าที่ออเดอร์เข้ามามีความล่าช้า และมีการเลื่อนกำหนดการส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้าบางรายออกไป ทำให้บริษัทมองว่าผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/64 ยังมีความแน่นอน ซึ่งอาจจะทำได้ใกล้เคียงหรือลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนได้ จากปัญหาการขาดแคลนซัพพลาย
โดยที่ปัจจัยดังกล่าวยังสะท้อนมาถึงภาพรวมของแนวโน้มผลการดำเนินงานทั้งปี 64 ที่ยังมีแนวโน้มผลการดำเนินงานขาดทุนอยู่ แม้ว่าความต้องการสั่งซื้อของลูกค้าจะมีเข้ามามาก แต่การผลิตสินค้าของบริษัทยังเผชิญกับการขาดแคลนซัพพลายในการผลิต ทำให้การส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้าต้องล่าช้าออกไป ซึ่งกระทบต่อรายได้ที่เข้ามาและภาพรวมของผลการดำเนินงาน แต่มองว่าจะเห็นการกลับมาฟื้นตัวที่ดีขึ้นในปี 65 หลังจากที่ภาวะต่างๆกลับเข้าสู่ปกติ ซึ่งในปัจจุบันยังมองว่าสถานการณ์ต่างๆเริ่มค่อยๆกลับมาฟื้นหลังการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่เกิดขึ้นหลายระลอก ทำให้ดีมานด์และซัพพลายยังไม่กลับมาสู่จุดสมดุล
"แม้ว่าจะมีดีมานด์จากลูกค้าออเดอร์สินค้าเข้ามามาก แต่ตอนนี้การผลิตของเรามีการติดขัดในเรื่องของการขาดแคลนซัพพลายในการผลิต วัตถุดิบในการผลิตพรมและเฟอร์นิเจอร์ที่เข้ามาช้า ทำให้เรายังไม่สามารถเดินการผลิตได้เต็มที่ ซึ่งก็มีการแจ้งลูกค้าที่ออเดอร์เข้ามาได้ทราบ ตรงนี้จึงเป็นปัจจัยที่กดดันภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทอยู่ แต่หากภาวะต่างๆเข้าที่ในปีนี้ มองว่าก็จะเริ่มเห็นการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานขึ้นได้" นางสาวปิยพร กล่าว
ด้านการทำการตลาดของบริษัทยังคงมีการเดินหน้าเข้าไปนำเสนอสินค้าในกลุ่มลูกค้าธุรกิจต่างๆ โดยเฉพาะธุรกิจโรงแรม ซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่มหลักที่เริ่มมีการสั่งออเดอร์เข้ามา หลังจากที่ธุรกิจโรงแรมเริ่มกลับมาฟี้นตัวขึ้น ขณะที่ยังขยายฐานสินค้าพรมไปยังกลุ่มธุรกิจการบินเพิ่มเติม ซึ่งเริ่มมีออเดอร์พรมที่ใช้ในเครื่องบินเข้ามาเพิ่มขึ้น และคาดว่าจะเห็นการสั่งออเดอร์พรมที่ไช้ในเครื่องบินมากขึ้น หลังจากที่สายการบินเริ่มมีเที่ยวบินมากขึ้น และเริ่มมีการสั่งซื้อหรือเช่าเครื่องบิน
ส่วนเฟอร์นิเจอร์ได้มีการขยายสาขาไปในสหรัฐฯเมื่อต้นไตรมาส 4/64 ซึ่งถืงว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าในสหรัฐฯค่อนข้างดี แต่คาดว่าจะเริ่มเห็นผลและรายได้ที่เข้ามามากขึ้นในช่วงไตามาส 1/65 เป็นต้นไป
ทั้งนี้บริษัทยังอยู่ระหว่บงการพิจารณาแผนการดำเนินงานในปี 65 ซึ่งการลงทุนในปี 65 ส่วนหนึ่งบริษัทจะนำเงินลงทุนมาใช้รองรับการปรับปรุอเครื่องจักรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต อีกทั้งยังคงมองหาโอกาสทางธุรกิจและมองหาการลงทุนใหม่ที่สามารถสร้างรายได้ให้กับบริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่งได้ในอนาคต ซึ่งจะเน้นการมองหาการเติบโตใหม่ๆในตลาดที่เริ่มฟื้นตัวได้รวดเร็ว ได้แก่ สหรัฐฯ ยุโรป และอินเดีย ซึ่งเป็นกลุ่มตลาดที่ลูกค้าที่มีความต้องการออเดอร์สินค้าเข้ามาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง