นายบรรลือศักร โสรัจจกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ (TFM) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 65 เติบโตขึ้นเป็นราว 6,000 ล้านบาท จากปีนี้คงเป้ารายได้ไว้ที่ 4,700-4,800 ล้านบาท โดยในปีหน้าบริษัทจะมีรายได้จาก บริษัท พีที ไทยยูเนี่ยน คาริสม่า เลสทารี จำกัด (TUKL) ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่ง TFM ถือหุ้นในสัดส่วน 65% จะรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปีหรือราว 400 ล้านบาท
ทั้งนี้ เนื่องด้วยปัจจุบันโรงงานผลิตอาหารกุ้งของ TUKL กำลังการผลิตรวม 36,000 ตัน/ปี ได้ดำเนินการก่อสร้างและติดตั้งเครื่องจักรเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยจะเริ่มเดินเครื่องผลิตได้ในเดือน ธ.ค.64 คาดว่าในปีแรกจะมีปริมาณการผลิตราว 10,000 ตัน/ปี และจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนเต็มกำลังการผลิตในปี 67 ซึ่งจะถคงจุดคุ้มทุน (Break Even) ได้ตั้งแต่ปีแรก
นอกจากนี้ บริษัท AMG-Thai Union Feedmill (Private) Limited (AMG-TFM) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในประเทศปากีสถาน ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์น้ำร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ คือ กลุ่ม AMG ซึ่งประกอบธุรกิจอาหารสัตว์น้ำรายสำคัญของปากีสถาน ถือหุ้น 49% ขณะที่ TFM ถือหุ้น 51% วางเป้าหมายปี 65 รายได้ 200 ล้านบาท จากปีนี้ 100 ล้านบาท เนื่องจากมีแผนเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 15,000 ตัน/ปี ในช่วงเดือน ก.พ.65 เพื่อรองรับการเติบโตใน 2-3 ปีข้างหน้า จากปีนี้มีกำลังการผลิตอาหารปลา 10,000 ตัน/ปี
พร้อมกันนี้ บริษัทยังวางบลงทุนในปีหน้าไว้ที่ 300 ล้านบาท โดยหลักๆ จะใช้ปรับปรุงสายการผลิตโรงงานอาหารกุ้งที่มหาชัย
นายบรรลือศักร กล่าวอีกว่า บริษัทยังวางเป้าหมายรายได้ใน 5 ปีข้างหน้า (ปี 65-69) จะเติบโตเป็น 8,000-10,000 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (มาร์เก็ตแคป) เพิ่มขึ้นเป็น 12,000-15,000 ล้านบาท ตามการเติบโตของธุรกิจอาหารสัตว์น้ำที่มีการบริโภคมากขึ้น ขณะเดียวกันขนาดของบริษัทก็ไม่ได้ใหญ่มาก จึงมองว่าโอกาสการเติบโตอีกมาก อีกทั้งยังมองโอกาสขยายการลงทุนไปในประเทศอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นมองว่ายังมีหลายประเทศที่น่าสนใจ
ขณะที่บริษัทมีแผนเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ เป็น 25-30% ในปี 67 ตามกำลังการผลิตอาหารกุ้งของ TUKL ที่เพิ่มขึ้นเต็ม 36,000 ตัน/ปี และจะสามารถสร้างรายได้ราว 1,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้หลักมาจากในประเทศมากถึง 96.4% ส่วนต่างประเทศอยู่ที่ 3.6%
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 64 บริษัทคาดว่ารายได้จะเป็นไปตามเป้าหมายเติบโตจากปีก่อนที่มีรายได้ 4,244.47 ล้านบาท โดยไตรมาส 3/64 ทำได้แล้ว 3,726.26 ล้านบาท และ คาดว่าในไตรมาส 4/64 ก็น่าจะทำได้ดีต่อเนื่อง จากการปรับปรุงกระบวนการผลิตได้ดีขึ้น, การใช้ Economies of Scale ในโรงงานทำได้ดีขึ้น รวมถึงการเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มีกำไรให้มากขึ้น