บมจ. ไบโอซายน์ แอนิมัล เฮลธ์ ยื่นไฟลิ่งเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 94,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 29.94 ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ในครั้งนี้ และมีความประสงค์จะขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมีบล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
วัตถุประสงค์การระดมทุนในครั้งนี้เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน, ขยายโรงงานการผลิตสินค้าและการลงทุนเพิ่มเติมในเครื่องจักร, เป็นเงินทุนสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาวัคซีนสำหรับปศุสัตว์ และเพื่อต่อยอดการผลิตวัคซีนในเชิงพาณิชย์ และเป็นเงินทุนหมุนเวียน
บริษัทฯประกอบธุรกิจเป็นผู้นำเข้า และผู้จัดจำหน่ายเวชภัณฑ์ เครื่องมือ อุปกรณ์ และผลิตภัณฑ์สำหรับปศุสัตว์และสัตว์เลี้ยง โดยมุ่งเน้นคัดสรรสินค้าที่มีคุณภาพด้วยทีมสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเสริมสร้างสุขภาพสัตว์ให้แข็งแรง
กลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ สามารถจำแนกตามลักษณะผลิตภัณฑ์ได้เป็น 6 กลุ่มหลัก ดังนี้
1) ผลิตภัณฑ์รักษาและป้องกันโรคสำหรับสัตว์ (Animal Health Product)
2) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและวิตามินสำหรับสัตว์ (Nutrition Product)
3) ผลิตภัณฑ์เพื่อการวินิจฉัยโรคสำหรับสัตว์ (Diagnostic Product)
4) ผลิตภัณฑ์อาหารเม็ดสำเร็จรูปสำหรับสัตว์ (Complete Feed Product)
5) ผลิตภัณฑ์วัตถุดิบอาหารสัตว์ (Ingredient Product) และ
6) ผลิตภัณฑ์อื่น ๆ (Other Product)
ทั้งนี้ ลูกค้าของบริษัทฯ ประกอบด้วย 1. กลุ่มสินค้าสำหรับปศุสัตว์ ได้แก่ โรงงานอาหารสัตว์ (Feed mill) ฟาร์มปศุสัตว์ครบวงจร (Integrated Farm) ฟาร์มปศุสัตว์ (Farm) และร้านจำหน่ายอาหารสัตว์ (Agent) เป็นต้น 2. กลุ่มสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง ได้แก่ โรงพยาบาลและคลินิกรักษาสัตว์ ร้านจำหน่ายสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง และร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (โมเดิร์นเทรด) เป็นต้น
รายได้จากการขายสินค้าของบริษัทฯ และบริษัทย่อย สำหรับปี 61-63 และงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.63-64 เท่ากับ 1,515.81 ล้านบาท 1,867.78 ล้านบาท 1,760.34 ล้านบาท 1,272.73 ล้านบาท และ 1,404.06 ล้านบาท ตามลำดับ
รายได้จากการขายสินค้าปี 62 เพิ่มขึ้น 351.97 ล้านบาท หรือคิดเป็น 23.22% จากปี 61 โดยมีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายสินค้ากลุ่มวัตถุดิบอาหารสัตว์ (Ingredient) จากการที่บริษัทฯ สามารถประมูลงานลูกค้าภาคเอกชนรายใหญ่รายหนึ่งได้ในปีดังกล่าว
รายได้จากการขายสินค้าปี 63 ลดลง 107.44 ล้านบาท หรือคิดเป็น 5.75% จากปี 62 โดยมีสาเหตุหลักมาจากยอดขายของกลุ่มสินค้าประเภทวัตถุดิบ (Ingredient) ลดลง เนื่องจากบริษัทฯ ไม่สามารถชนะการประมูลงานลูกค้าภาคเอกชนรายเดิมในปี 2562 จึงทำให้ยอดขายสินค้าในกลุ่มสินค้าประเภทวัตถุดิบ (Ingredient) ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
รายได้จากการขายสินค้าสำหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.64 เพิ่มขึ้น 131.34 ล้านบาท หรือคิดเป็น 10.32% จากงวดเดียวกันปี 63 โดยมีสาเหตุหลักมาจากยอดขายสินค้ากลุ่มเพื่อการวินิจฉัยโรคสำหรับสัตว์ (Diagnostic) จากชุดตรวจเพื่อใช้ในการตรวจวินิจฉัยโรค ASF ที่มีความต้องการเพิ่มขึ้น เนื่องจากฟาร์มสุกรต้องใช้ในการตรวจคัดกรองโรค ASF ก่อนนำพ่อแม่พันธุ์ หรือลูกสุกรอนุบาลเข้าสู่ฟาร์ม อีกทั้งบริษัทฯ ได้เพิ่มยอดขายสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารเม็ดสำเร็จรูปสำหรับสัตว์จากการขยายตลาดอาหารสัตว์ปีก และสัตว์น้ำ เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงทางธุรกิจ
กำไรสุทธิของบริษัทฯ ในงวดปี 61-63 เท่ากับ 29.78 ล้านบาท 61.35 ล้านบาท และ 54.45 ล้านบาท ในขณะที่กำไรสุทธิในงวดเก้าเดือนสิ้นสุดเดือนกันยายนสำหรับปี 63 และ 64 เท่ากับ 35.21 และ 52.76 ตามลำดับ
ณ วันที่ 30 ก.ย.64 บริษัทฯมีสินทรัพย์รวม 890.19 ล้านบาท หนี้สินรวม 639.24 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 250.95 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนการลงทุนในอนาคตในช่วงปี 65-67 โดยมีรายละเอียดดังนี้ การขยายโรงงานการผลิตสินค้าและการลงทุนเพิ่มเติมในเครื่องจักร คาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 80-105 ล้านบาท ในการขยายและปรับปรุงพื้นที่โรงงาน, เครื่องจักรและอุปกรณ์สำหรับโครงการ 1-2 และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในโครงการ โดยคาดการณ์ว่าเมื่อดำเนินการติดตั้งเครื่องจักรทั้งหมดเสร็จสิ้น โรงงานของบริษัทฯ จะมีกำลังการผลิตรวมเท่ากับ 800 ตันต่อเดือน และคาดว่าอัตราการใช้กำลังการผลิตในปี 65 เท่ากับ 50% และคาดจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต ทั้งนี้ บริษัทฯ วางแผนใช้เงินที่ได้รับจากเสนอขายหุ้นต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ในการลงทุนโครงการดังกล่าว โดยคาดว่าหากแผนการ IPO เป็นไปตามที่คาดการณ์บริษัทฯ จะสามารถดำเนินการขยายโรงงานได้เสร็จสิ้นภายในปลายปี 65
นอกจากนี้ การวิจัยและพัฒนาวัคซีนสำหรับปศุสัตว์ และเพื่อต่อยอดการผลิตวัคซีนในเชิงพาณิชย์ ทั้งนี้ บริษัทฯ วางแผนที่จะใช้การผลิตในรูปแบบการว่าจ้างผู้ผลิตภายนอก (OEM) และคาดว่าจะใช้มูลค่าเงินลงทุนประมาณ 50 - 60 ล้านบาท เป็นเงินทุนสนับสนุนการวิจัยต่อเนื่อง และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในโครงการ โดยบริษัทฯ คาดว่าหากแผนการ IPO และแผนงานวิจัยเสร็จสิ้นเป็นไปตามที่คาดการณ์บริษัทฯ จะสามารถดำเนินการต่อยอดการผลิตเชิงพาณิชย์สำหรับวัคซีนดังกล่าวได้ภายในปี 67
ณ วันที่ 30 ก.ย.64 (ก่อนการเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนในครั้งนี้) บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียน 157 ล้านบาท แบ่งเป็นจำนวนหุ้นสามัญทั้งสิ้น 314 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และมีทุนที่ออกและชำระแล้วจำนวน 110 ล้านบาท แบ่งเป็นจำนวนหุ้นสามัญทั้งสิ้น 220 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้แล้ว บริษัทฯ จะมีทุนที่ออกและชำระแล้วจำนวน 157 ล้านบาท แบ่งเป็นจำนวนหุ้นสามัญทั้งสิ้น 314 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ณ วันที่ 30 ก.ย.64 ประกอบด้วย บริษัท บีไอเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด ถือหุ้น 103,708,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 47.14% หลังเสนอขาย IPO ในครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นเหลือ 33.03%, นายธนวัฒน์ คงเจริญสมบัติ ถือหุ้น 27,853,180 หุ้น คิดเป็น 12.66% หลังเสนอขาย IPO ในครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นเหลือ 8.87% และนางสุวรรณา โกศลานันทกุล ถือหุ้น 18,118,520 หุ้น คิดเป็น 8.24% หลังเสนอขาย IPO ในครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นเหลือ 5.77%