นายปิยะ เตชากูล กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอทีพี 30 (ATP30) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโตตามแผนที่วางไว้ที่ 480 ล้านบาท หรือเติบโต 15-20% หลังจากภาพรวมธุรกิจให้บริการรถรับส่งไตรมาส 4/64 เติบโตดี เตรียมความพร้อมให้บริการครบ 3 โมเดลธุรกิจ ประกอบด้วย รถรับส่งพนักงานรอบเขตนิคมอุตสาหกรรม บริหารจัดการการเดินรถไฟฟ้า และธุรกิจรับส่งนักท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นการกระจายความเสี่ยงที่มาของรายได้ให้มีความหลากหลาย และเป็นส่วนเสริมสร้างรายได้ให้บริษัทเติบโตอย่างมั่นคง
บริษัทยังคงรักษามาตรฐานการดำเนินงาน มุ่งเน้นจุดแข็งการบริหารการเดินรถ และความสามารถในการควบคุมค่าใช้จ่าย สำหรับการให้บริการรถรับส่งพนักงานรอบเขตนิคมอุตสาหกรรมซึ่งเป็นธุรกิจหลัก ปัจจุบันมีลูกค้าจำนวน 54 ราย มีรถให้บริการไม่ร่วมรถร่วมจำนวนทั้งสิ้น 446 คัน และอยู่ระหว่างจัดเตรียมรถให้บริการเพิ่ม 77 คัน รวมเป็นจำนวน 523 คัน รวมถึงธุรกิจใหม่บริหารจัดการการเดินรถไฟฟ้าให้แก่ บริษัท อีวี มี พลัส จำกัด (EV ME PLUS) และบริษัท อรุณ พลัส จำกัด
ล่าสุด บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมตัวกลับมาให้บริการนักท่องเที่ยวให้แก่ บริษัท อาร์พี ทรานสปอร์ตเทชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บมจ. ท่าเรือราชาเฟอร์รี่ (RP) ในวันที่ 5 ธ.ค. 64 หลังจากที่มีการหยุดให้บริการไปในช่วงที่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยสถานการณ์ท่องเที่ยวในอำเภอเกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง ภายหลังจากที่รัฐบาลมีนโยบายเปิดรับนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาประเทศ แบบมีเงื่อนไข ทำให้บรรยากาศการเดินทาง ทั้งทางอากาศ และทางเรือเฟอร์รี่ คึกคักมากขึ้น
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 3/64 มีรายได้รวม 135.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/64 ที่มีรายได้รวม 109.42 ล้านบาท จำนวน 25.97 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 23.73% และมีกำไรสุทธิ 12.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/64 ที่มีกำไรสุทธิ 1.45 ล้านบาท จำนวน 11.07 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 764.52%
ขณะที่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนบริษัทมีรายได้รวม 96.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.45 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 39.66% และมีกำไรสุทธิ 12.52 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนก่อนที่มีกำไรสุทธิ 10.00 ล้านบาท จำนวน 2.52 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 25.16%
ส่วนผลประกอบการงวด 9 เดือน ปี 64 บริษัทมีรายได้รวม 355.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 287.02 ล้านบาท จำนวน 68.26 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 23.78% และมีกำไรสุทธิ 23.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 18.95 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 25.47%
สาเหตุที่ผลประกอบการปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากบริษัทมีศักยภาพในการทำกำไรที่ดี จากการบริหารจัดการควบคุมต้นทุน อีกทั้งสามารถรับรู้รายได้เพิ่มจากการให้บริการรถจำนวนมากขึ้น แม้ว่าปีนี้จะมีการลงทุนใหญ่รถจำนวน 70 คันในช่วงไตรมาส 2/64 ที่ผ่านมา