นายธนา เธียรอัจฉริยะ ประธานกรรมการ บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด ในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าจะสามารถนำแพลตฟอร์มโรบินฮู้ด (Robinhood) ระดมทุนรอบซีรีย์ A ได้ในช่วงกลางปี 65 โดยจะมีพันธมิตรที่เป็น Strategic partner เข้ามาร่วมลงทุนด้วยการใส่เงินทุนเข้ามา ทั้งนี้ เพื่อเงินทุนไปใช้ต่อยอดการพัฒนาแพลตฟอร์มและขยายบริการ หลังจาก SCB ได้ใส่เงินทุนเพิ่มให้กับการพัฒนาแพลตฟอร์มแล้ว 4 พันล้านบาท ซึ่งจะรองรับแผนงานในช่วง 2 ปีนี้ โดยเพิ่มมาจากเงินทุนก้อนแรกที่ SCB ใส่เข้ามา 150 ล้านบาท
ปัจจุบัน บริษัทเจรจากับพันธมิตรหลายรายที่สนใจเข้ามาลงทุนในแพลตฟอร์มโรบินฮู้ด แต่ยังมองว่ามูลค่าของแพลตฟอร์มจาก Gross merchandise value ยังไม่มากนัก เพราะปัจจุบันมีเพียงบริการ Food delivery ดังนั้น บริษัทคงต้องรอการขยายบริการในแพลตฟอร์มไปยังบริการด้านธุรกิจท่องเที่ยวในลักษณะ Online Travel Agent (OTA) คือ โรบินฮู้ด ทราเวล เข้ามาเสริมในช่วงต้นปี 65 ซึ่งจะทำให้ Gross merchandise value ปรับเพิ่มสูงขึ้น และเป็นมูลค่าที่เหมาะสมที่จะเริ่มมีพันธมิตรที่เป็น Strategic partner เข้ามาลงทุนได้
สำหรับผลการดำเนินงานของแพลตฟอร์มโรบินฮู้ด ยอมรับว่าในปี 64-65 คงยังไม่สามารถทำกำไรได้ เพราะยังเป็นช่วงเริ่มต้นของธุรกิจที่ต้องขยายการลงทุนเพื่อรองรับการพัฒนาระบบและการขยายบริการต่างๆ อีกทั้งบริการ Food delivery ไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียม (GP) กับร้านค้าทีมาเข้าร่วม ทำให้บริษัทยังคงต้องนำเงินไปอุดหนุนในส่วนนี้ แม้ว่าจะมีบริการ OTA เพิ่มเข้ามาที่ไม่คิดค่าคอมมิชชั่นจากโรงแรมเช่นกัน ซึ่งเป็นวัตถุประสงค์หลักของบริษัทตั้งแต่ต้นในการที่พัฒนาและเปิดบริการแพลตฟอร์มโรบินฮู้ดเป็น Social Enterprise
"ความตั้งใจหลักที่ทำโรบินฮู้ดเพื่อเป็นแพลตฟอร์มรูปแบบ Social Enterprise ที่เป็น CSR ไม่เก็บค่า GP เพื่อช่วยคนตัวเล็ก ทำให้เรายังคงต้อง Subsidise ในส่วนนี้ของบริการ Foood delivery มากอยู่ แต่ถ้ามองในธุรกิจ Startup ไม่ได้ให้ Value กับกำไรมาก จะมองไปที่การเร่งโตแร่งการขยายฐานลูกค้า ทำให้โอกาสสร้างรายได้เข้ามามากกว่า อย่างโรบินฮู้ดก็มีรายได้จากโฆษณาของพาร์ทเนอร์ และปล่อยกู้เข้ามา ปีหน้าถ้ามองรายได้ของโรบินฮู้ดในส่วนของ Food delivery คาดว่าอยู่ที่ประมาณ 700-800 ล้านบาท ไม่รวม Travel ที่ก็คาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้เข้ามาราว 100 ล้านบาท หรือคิดเป็น 10% ของรายได้รวมในโรบินฮู้ด" นายธนา กล่าว
สำหรับการขยายบริการใหม่ๆ เพิ่มเติมในปี 65 นอกเหนือจาก โรบินฮู้ด ทราเวล ก็จะมีบริการสั่งซื้อสินค้าที่เป็น Mart แต่จะเน้นสินค้าพรีเมียมตอบโจทย์กับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่ใช้แพลตฟอร์มโรบินฮู้ดที่เป็นกลุ่มคนเมือง (Urban) ในกรุงเทพฯและปริมณฑล และเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อระดับกลาง-สูง ต้องการความแตกต่างจากแพลตฟอร์มอื่นๆ ซึ่งอาจจะจับมือกับพันธมิตรซุปเปอร์มาร์เก็ตและร้านค้าที่ค่อนข้าง Niche และ Premium เช่น Makro ร้านค้าและซุปเปอร์มาร์มาร์เก็ตในศูนย์การค้าเอ็มโพเรียม
อีกทั้งจะมีการเพิ่มบริการขนส่งพัสดุ (Express) ตามมาในปี 65 เช่นเดียวกัน โดยที่บริษัทคาดว่าหลังจากที่มีการเพิ่มบริการใหม่ๆ เข้ามาจะทำให้ฐานลูกค้าที่ใช้บริการแพลตฟอร์มโรบินฮู้ดจะเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านราย จากปัจจุบันที่มี 2.4 ล้านราย
ขณะที่บริษัทได้มีทีมงานศึกษาโอกาสในการลงทุนขยายแพลตฟอร์มโรบินฮู้ดไปในต่างประเทศที่มีลักษณะคล้ายกับประเทศไทย เช่น สิงคโปร์ ฮ่องกง เวียดนาม และฟิลลิปปินส์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษา รวมถึง โรบินฮู้ด ทราเวล ที่อาจจะมีพัฒนาบริการสำหรับนักท่องเที่ยวชาวไทยที่ต้องการไปเที่ยวต่างประเทศสามารถจองโรงแรมในต่างประเทศได้ เน้นประเทศที่คนไทยนิยมไปเที่ยวจำนวนมาก เช่น ญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้ เป็นต้น รวมถึงโอกาสในการขยายเข้าไปเจาะนักท่องเที่ยวชาวจีน โดยรศึกษาตลาดเมืองจีนอยู่ และบริษัทมีสาขาและพันธมิตรในจีนอยู่แล้ว ทำให้มองว่าเป็นโอกาสที่น่าสนใจหากมีความเป็นไปได้ในการทำตลาดกับกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนได้
สำหรับการพัฒนาระบบรับชำระในแพลตฟอร์มโรบินฮู้ด ซึ่งปัจจุบันรับชำระผ่านบัตรเครดิต บัตรเดบิต และแอปพลิชั่น SCB Easy โดยที่จะมีการเพิ่มบริการรับชำระผ่าน Mobile banking ของธนาคารอื่นๆ เข้ามาในช่วงไตรมาส 3/65 ซึ่งจะเข้ามาช่วยเพิ่มความสพดวกในการชำระค่าบริการในแพลตฟอร์มโรบินฮู้ด พร้อมกับอยู่ระหว่างการศึกษาเกี่ยวกับการนำ Cryptocurrency มาใช้ในการรับชำระ หรือในรูปแบบอื่นที่สามารถนำแพลตฟอร์มโรบินฮู้ดไปต่อยอดได้