อนึ่ง ในปี 64 ล่าสุดบริษัทปรับเป้ารายได้รวมใหม่เป็น 12,000 ล้านบาท จากเป้ารายได้ที่ตั้งไว้ในช่วงต้นปี ที่ 11,000 ล้านบาท ซึ่งจากปัจจัยความต้องการใช้ถ่านหินที่เพิ่มขึ้น
นายพนม กล่าวว่า ในปี 65 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากการธุรกิจด้านธุรกิจโลจิสติกส์ราว 2,500 ล้านบาท โดยจะเน้นเพิ่มการให้บริการขนส่งสินค้าในเที่ยวกลับ และเพิ่มความหลายหลายของกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ให้บริการขนส่งมากยิ่งขึ้น รวมถึงการขยายพื้นที่การให้บริการไปยังประเทศกัมพูชา และสปป.ลาว
ปัจจุบันบริษัทมีกองรถพ่วงอยู่ทั้งหมด 97 คัน และมีรถบรรทุกเป็นพันธมิตรผู้รับจ้างงานช่วง (Sub-contractor) อีกกว่า 500 คัน ส่วนกองเรือมีอยู่ทั้งหมด 36 ลำ และมีเรือพันธมิตรผู้รับจ้างงานช่วง (Sub-contractor) อีกกว่า 250 ลำ ที่สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ บริษัทได้ขยายธุรกิจใหม่ไปยังการจำหน่ายไอน้ำด้วยการติดตั้งบอยเลอร์เพื่อผลิตไอน้ำให้แก่ลูกค้า โดยปัจจุบันมีอยู่ 2 โครงการคือโครงการในประเทศไทย 1 โครงการ คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมรับรู้รายได้ในช่วงต้นปปี 65 และอีก 1 โครงการในเวียดนาม คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 65 ในขณะเดียวกันบริษัทยังคงมองหาการลงทุนใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นโครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ โครงการโรงไฟฟ้าอื่นๆ ทั้งนี้ บริษัทได้วางงบลงทุนไว้ที่กว่า 60 ล้านบาท เพื่อที่จะใช้ในการขยายกองรถพ่วงเพิ่มอีก 10 คัน ด้วยงบลงทุนราว 40 ล้านบาท โครงการคลังสินค้าระบบปิดงบลงทุน 30 ล้านบาท และการลงทุนพัฒนาระบบ IT ของบริษัทด้วยงบลงทุนราว 20 ล้านบาท เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากยิ่งขึ้น