นายวิทวัส อัครพงศ์พิศักดิ์ รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.โลหะกิจ เม็ททอล (LHK) เปิดเผยว่า บริษัทคาดผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 งวดปี 64/65 (ต.ค.-ธ.ค.64) จะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 2 งวดปี 64/65 (ก.ค.-ก.ย.64) เป็นไปตามการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ หลังจากเดือน ก.ค.-ส.ค.ประสบปัญหาขาดแคลนชิพที่เป็นชิ้นส่วนสำคัญและชิ้นส่วนรถยนต์บางชิ้นในการผลิต ทำให้ค่ายรถยนต์ ต้องชะลอการผลิตรถยนต์บางรุ่น และบางโรงงานก็มีการปิดไลน์ผลิตและลดการทำงาน ส่งผลให้ยอดการผลิตในช่วงเวลาดังกล่าวค่อนข้างต่ำ อย่างไรก็ตามยอดการผลิตได้ปรับตัวขึ้นมาแล้วในเดือนก.ย. และเดือนต.ค.ก็ปรับตัวสูงขึ้นกว่าเดือนก.ย. ด้วย โดยมียอดผลิตรถยนต์อยู่ที่ 154,038 คัน และยอดผลิตรถจักรยานยนต์อยู่ที่ 144,484 คัน
ทั้งนี้ หากไม่มีการระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ คาดว่ายอดการผลิตในประเทศในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 1.6 ล้านคัน ขณะที่ทางสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ (ส.อ.ท.) ก็คาดว่าจะอยู่ที่ 1.65 ล้านคัน โดยหลักจะมาจากยอดผลิตเพื่อส่งออก
นอกจากนี้ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า ยังคงเป็นบวกต่อเนื่อง จากตลาดในประเทศและตลาดส่งออกขยายตัวดีขึ้น ตามต้องการใช้ในช่วงที่มีการล็อกดาวน์ประเทศ ขณะที่อุตสาหกรรมก่อสร้าง คาดว่าน่าจะผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว ทั้งปัจจัยฤดูกาล หรือฤดูฝน แม้จะยังมีเรื่องของราคาวัตถุดิบ โดยเฉพาะเหล็กที่ปรับขึ้นค่อนข้างสูง ทำให้หลายโครงการ มีการชะลอการก่อสร้าง แต่มองว่าหลังจากที่มีการเปิดประเทศ และคลายล็อกดาวน์ กลไกลเศรษฐกิจจะหนุนให้เกิดการก่อสร้างในกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงมาตรการปลดล็อก LTV, การรวมหนี้ต่างๆ ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะทำให้กำลังซื้อในส่วนนี้กลับมา และขับเคลื่อนให้ธุรกิจบริษัทฯ ดีขึ้น
"กลุ่มรถยนต์ forecast ค่อนข้างดีขึ้น หรือเรียกได้ว่ากลับมาเป็นปกติแล้ว จากการบริโภคที่ฟื้นตัวขึ้น ซึ่งตัวเลขที่เราเห็นก็ดีกว่าไตรมาสที่ผ่านมา ขณะที่ในกลุ่มของก่อสร้าง ปัจจุบันเรามีงานในมืออยู่แล้ว จากลูกค้ามีการสั่งซื้อวัตถุดิบล่วงหน้า แต่ด้วยราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น ทำให้ลูกค้ามีการทบทวนรายละเอียดใหม่ เราก็อยู่ระหว่างรอความชัดเจนตรงนี้" นายวิทวัส กล่าว
สำหรับแนวโน้มทั้งปี (เม.ษ.64-มี.ค.65) บริษัทฯ คาดว่าจะเติบโตกว่าปีก่อนได้ หลังได้ผ่านจุดที่ต่ำที่สุดในปีก่อนมาแล้ว โดยการเติบโตก็จะล้อไปกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ประเทศ ซึ่งขณะนี้ก็ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง