นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ.โนวา ออร์แกนิค (NV) เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาด NV จะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปี 65 หลังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้นับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ของ NV ที่ได้ยื่นขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 150 ล้านหุ้น คิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้ว มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์ ) 0.50 บาท
ทั้งนี้ปัจจุบันบริษัทฯ อยู่ในช่วงของการเดินสายให้ข้อมูล (โรดโชว์) แก่นักลงทุน และที่ผ่านมาได้มีการให้ข้อมูลกับทางนักวิเคราะห์ไปแล้วหลายราย ไม่ว่าจะเป็น บล.โกลเบล็ก, บล.คันทรี่กรุ๊ป, บล.เคทีบีเอสที, บล.เคจีไอ, บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย), บล.ฟินันเซียไซรัส, บล.โนมูระ พัฒนสิน เป็นต้น
สำหรับราคา IPO ปัจจุบันยังไม่ได้มีการกำหนดราคาชัดเจน แต่บริษัทฯ ได้มีการให้ข้อมูลแก่นักวิเคราะห์ไปแล้ว และมีการออกบทวิเคราะห์ไปแล้ว เช่น บล.โกลเบล็ก ได้ให้ราคาเหมาะสมของหุ้น NV ไว้ที่ 8.50 บาท/หุ้น ซึ่งราคา IPO ก็จะมีส่วนลดลงมา หากมีการกำหนดชัดเจนแล้วจะแจ้งให้นักลงทุนทราบต่อไป
"เราจัดให้หุ้น NV เป็นหุ้นเติบโต หรือ Growth Stock และยังเป็นหุ้นปันผล หรือ Dividend stock ด้วย"
นายนวพล จันทร์จุฑามาศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NV กล่าวว่า สำหรับการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้ไปก่อสร้างสำนักงานแห่งใหม่ มูลค่า 50 ล้านบาท เพื่อรองรับจำนวน Telesales อีกประมาณ 500 คน เพื่อเพิ่มกลยุทธ์การโทรออก (Outbound) นำเสนอสินค้าให้กับฐานลูกค้าเดิมมากขึ้น คาดว่าจะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จได้ภายในปี 66 จากปัจจุบันอยู่ระหว่างออกแบบโครงสร้าง รวมถึงก่อสร้างคลังสินค้าใหม่ ซึ่งเป็นคลังสินค้าอัจฉริยะ จะส่งผลให้สามารถลดจำนวนคนได้มากขึ้น และรองรับการเติบโตของบริษัทฯ ไปอีกหลายปี และสร้างโรงงานใหม่ เพื่อรองรับเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ส่วนโรงงานเดิม บริษัทฯ มีแผนปรับปรุงเป็นโรงงานผลิตสมุนไพร โดยจะดำเนินการสกัดสมุนไพร เพื่อป้อนให้กับโรงงานที่จะผลิตสมุนไพร และมีแผนขยายช่องทางจำหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพรไปยังร้านขายยา และผลักดันไปสู่การส่งออก ในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างศึกษาการออกผลิตภัณฑ์กัญชง-กัญชา ว่ามีคุณประโยชน์อย่างไร ผู้บริโภคมีความต้องการจริงหรือไม่ มีความปลอดภัยมากแค่ไหน ซึ่งหากตอบโจทย์และเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค และประเทศที่กำลังผลักดันอยู่ บริษัทฯ ก็พร้อมที่จะเข้าไปเป็นหนึ่งในผู้เล่นในตลาดนี้
ส่วนแผนการดำเนินงานในอนาคต บริษัทฯ วางเป้าหมายรายได้ปี 65 จะเติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก ตอบรับเทรนด์สุขภาพที่กำลังมาแรง และการออกผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการบริหารต้นทุนได้ดี มีประสิทธิภาพมากขึ้น และการบริหารการตลาดให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้มากที่สุด เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
ขณะที่ปี 64 บริษัทฯ คาดว่ารายได้จะทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อน ที่มีรายได้ราว 2,000 ล้านบาท แม้ในช่วงต้นปีจะได้รับผลกระทบจากกระแสข่าวเชิงลบเกี่ยวกับการบริโภคผลิตภัณฑ์ถั่งเช่า ทำให้ชะลอการโฆษณาในช่องทางต่างๆ ไปในช่วงไตรมาส 2 และ 3 ที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตามในไตรมาส 4/64 สถานการณ์เริ่มดีขึ้น ทำให้บริษัทฯ พิจารณากลับมาโฆษณาผลิตภัณฑ์ถั่งเช่าอีกครั้ง ก็น่าจะทำให้รายได้ของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวฟื้นตัวดีขึ้นตามเทรนด์เดิม
สำหรับผลการดำเนินงานย้อนหลัง 3 ปี (61-63) และงวด 9 เดือนของปี 64 บริษัทฯ มีรายได้อยู่ที่ 327.42 ล้านบาท 478.07 ล้านบาท 2,231.29 ล้านบาท และ 910.14 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งในปี 63 ผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้าลีฟเนสเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่สร้างรายได้หลักให้แก่บริษัท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 88.54% ของรายได้รวมทั้งหมด
บริษัทมีกำไรสุทธิ 61-63 และงวด 9 เดือนของปี 64 อยู่ที่ 17.60 ล้านบาท 75.65 ล้านบาท 780.81 ล้านบาท และ 74.22 ล้านบาท ตามลำดับ โดยมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 5.31% 15.80% 34.86% และ 8.14% ตามลำดับ
NV ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Dietary Supplement Product) ซึ่งมีส่วนประกอบหลักจากวัตถุดิบที่หลากหลาย ภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัท แบ่งผลิตภัณฑ์ออกได้เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้เครื่องหมายการค้าโดนัทท์ (DONUTT) เช่น โดนัทท์คอลลาเจน โดนัทท์ไฟบิลี่ กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้เครื่องหมายการค้าลีฟเนส (LIVNEST) ซึ่งมีส่วนผสมหลักจากวัตถุดิบถั่งเช่า กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้เครื่องหมายการค้าอื่นๆ เช่น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหลินจือพลัส ชิตาเกะ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมัทซึทาเกะ และผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมภายใต้เครื่องหมายการค้าคิว-ติน (Q-Tin) เป็นต้น