นายธีร ชุติวราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โอเชี่ยน คอมเมิรช (OCEAN) เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทแตกไลน์เข้าสู่ธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวกับกัญชง โดยการลงทุนผ่านบริษัทย่อย คือ บริษัท เค ที ดี เอ็ม จำกัด (KTDM) ซึ่งได้ผนึกกำลังร่วมกับ บมจ.โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) (JP) ในฐานะผู้รับจ้างผลิต ทั้งนี้ เพื่อเป็นการรองรับแผนขยายธุรกิจ บริษัทได้สั่งซื้อเครื่องจักรสำหรับการผลิต โดยเน้นการจัดจำหน่าย วัตถุดิบ สารตั้งต้น และเคมีภัณฑ์ โดยกลุ่มลูกค้าหลักเป็นกลุ่ม ธุรกิจในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร สมุนไพร รวมถึงยาแผนปัจจุบัน
"ในฐานะผู้คุมปัจจัยการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำร่วมกับพันธมิตรอย่าง JP ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิต GMP และ GMP PICs สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารเสริมและยาจาก อย.ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าได้อย่างครบวงจร เพื่อป้อนให้กับกลุ่มลูกค้าในตลาดที่มีความต้องการเป็นจำนวนมาก และเป็นการการันตีได้ว่าเรามีวัตถุดิบที่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า ด้วยโรงงานของ JP ที่มีคุณภาพและเครื่องจักรที่บริษัทนำเข้ามายังมีจุดเด่นที่แตกต่างจากตลาดทั่วไป โดยสามารถสกัดได้ในระดับ ISOLATED CBD WATER SOLUBLE หรือสารสกัด CBD เข้มข้นแบบละลายน้ำได้ ซึ่งสามารถผสมเครื่องดื่มและอาหารได้ทันที โดยลูกค้าไม่จำเป็นต้องทำงานด้านวิจัยและพัฒนาเพิ่ม ต่างจากคู่แข่งในตลาดที่ยังไม่มีใครสามารถทำได้"นายธีร กล่าว
ปัจจุบัน OCEAN มีเครื่องจักรที่มีศักยภาพในการป้อนวัตถุดิบ 300 กก./เดือน โดยติดตั้งแล้วที่โรงงานของ JP ในจังหวัดลำพูน โดยเครื่องจักรดังกล่าวสามารถแยกสาร CBD ได้ 6 รูปแบบ เริ่มตั้งแต่ FULL SPECTRUM , BROAD SPECTRUM , TERPENE , WAX , CBD ISOLATE และ WATER SOLUBLE CBD ISOLATE
บริษัทได้มีการสั่งซื้อเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพในการป้อนวัตถุดิบถึง 30,000 กิโลกรัม (30 ตัน) ต่อเดือน คาดว่าจะติดตั้งแล้วเสร็จพร้อมรับใบอนุญาตภายในไตรมาส 3/65 เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น และจะส่งผลให้บริษัทมีผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดจากธุรกิจสกัดสารกัญชง ซึ่งเป็น New S-Curve
ปัจจุบันเครื่องจักรที่ติดตั้งแล้วเสร็จจะเป็นเครื่องที่สกัดสารสกัดจากดอกกัญชงแห้ง และนำส่งให้ลูกค้าในทุกหมวดอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอุปโภคและบริโภค อาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร สมุนไพร รวมถึงยาแผนปัจจุบัน เพื่อนำไปวิจัยและขออนุญาต อย.ในลำดับถัดไป นอกจากนี้ บริษัทยังได้เข้าร่วมโครงการศึกษาวิจัยผลิตภัณฑ์จากกัญชา โดยร่วมมือกับมหาวิทยาลัย และหน่วยงานภาครัฐหลายแห่ง
ที่ผ่านมา ทางบริษัทฯได้มีการเซ็นสัญญาร่วมวิจัยและผลิตจากลูกค้ารายใหญ่จากอุตสาหกรรมต่างๆ แล้วหลายราย และจะทยอยเซ็นสัญญาอย่างต่อเนื่อง พร้อมส่งออเดอร์ให้กับลูกค้าในปี 65 และคาดว่าจะรับรู้รายได้จากธุรกิจสกัดสารกัญชงตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป
"ธุรกิจกัญชงนี้ ถือเป็นก้าวที่สำคัญของ OCEAN สอดรับกับการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น ALPHAX ซึ่งหมายถึง "Leader" หรือผู้นำในทุกธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจอสังหาฯ ธุรกิจกัญชง-กัญชา ที่จะเข้ามาเสริมทัพ ผลักดันรายได้และกำไรเติบโตอย่างก้าวกระโดด ตามแผนงานที่วางไว้" นายธีร กล่าว