นายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินในการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) ของ บมจ. เฮลท์ลีด (HL) เปิดเผยว่า การจองซื้อหุ้นไอพีโอของ HL จำนวน 72 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้น ในราคาหุ้นละ 9.80 บาท ระหว่างวันที่ 25-26 และ 29 พ.ย.64 ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างคึกคัก ทั้งนักลงทุนทั่วไปและสถาบัน เนื่องจากมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานของ HLในฐานะที่เป็นร้านขายยาครบวงจร มีจำนวนสินค้ากว่า 10,000 รายการ และมีจำนวนสาขา 26 แห่งในทำเลที่ครอบคลุมลูกค้าทุกระดับ และเป็นธุรกิจร้านขายยารายแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)
ทั้งนี้ การที่หุ้น HL ได้รับความสนใจจากนักลงทุน เนื่องจากการกำหนดราคาหุ้นอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) เท่ากับ 37.57 เท่า ซึ่งถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม โดยหุ้น HL เตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 3 ธ.ค.64 ในหมวดธุรกิจบริการ
"หุ้น HL เป็นธุรกิจร้านขายยาค้าปลีกในรูปแบบ Chain Drug Store รายแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ภายใต้แบรนด์ที่ได้รับความนิยมสูงทั้ง 4 แบรนด์หลัก ประกอบด้วย iCare - Pharmax- vitaminclub-Super Drug โดยเป็นร้านขายยาที่มีคุณสมบัติครบตามมาตรฐานของ Good Pharmacy Practice ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ที่กำหนดไว้ โดยสามารถปฏิบัติตามกฎระเบียบต่างๆ ได้อย่างครบถ้วน ขณะที่มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง มีความสามารถในการทำกำไรสูง และมีแนวโน้มการเติบโตสูง เพราะอยู่ในอุตสาหกรรมสุขภาพ ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเมกะเทรนด์ รวมทั้งการที่ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุทำให้ความต้องการใช้ยาและผลิตภัณฑ์ เพื่อสุขภาพเพิ่มมากขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ภายใต้แบรนด์ PRIME ซึ่งเป็นแบรนด์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารเสริม และแบรนด์ Besuto ซึ่งเป็นแบรนด์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อ ผลิตภัณฑ์สลายกลิ่น และผลิตภัณฑ์หน้ากาก ช่วยสนับสนุนให้รายได้และกำไรเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด"นายสมภพ กล่าว
ภก.ธัชพล ชลวัฒนสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร HL เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจร้านขายยา-ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ ยังมีโอกาสการเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากมูลค่าการจำหน่ายยาผ่านร้านขายยาสูงถึง 3.5 หมื่นล้านบาท ส่วนมูลค่าตลาดรวมของผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสูงถึง 6-7 หมื่นล้านบาท ถือว่าเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ ทำให้บริษัทฯมีโอกาสในการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้อย่างต่อเนื่อง จากการการขยายสาขาเพิ่มทุกปี ขณะที่จำนวนผู้ประกอบการรายใหม่ที่จะเข้ามาในตลาดมีจำนวนไม่มาก และต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะธุรกิจร้านขายยาเป็นเรื่องของความเชื่อมั่นและไว้วางใจในเรื่องความปลอดภัย โดยเฉพาะในด้านคุณภาพมาตรฐานของยา ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตในปัจจุบัน
รวมถึงผู้ประกอบการรายใหม่จะเข้ามาในตลาดไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะประสบความสำเร็จ เพราะปัจจุบันมีกฎหมายควบคุมอย่างเข้มงวด ทั้งขนาดพื้นที่สถานประกอบการต้องให้ได้มาตรฐาน การควบคุมคุณภาพของยา และต้องมีเภสัชกรประจำแบบเต็มเวลา ซึ่ง HL สามารถปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้องได้ตามมาตรฐานมาโดยตลอดจนเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภค
"ที่ผ่านมา อุตสาหกรรมร้านขายยาค้าปลีก มีการแข่งขันด้านราคาที่ไม่รุนแรง จึงเป็นธุรกิจที่มีความมั่นคงสูง และมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งมีการเติบโตได้ทุกปี เนื่องจากการมีทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์จากการเป็นเภสัชกรมืออาชีพมายาวนานกว่า 28 ปี มีความรู้ความเข้าใจในธุรกิจเป็นอย่างดี มีความสัมพันธ์ที่ดีทั้งกับคู่ค้าและลูกค้า ซึ่งภายหลังจากการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ mai จะช่วยเพิ่มศักยภาพในด้านฐานทุน โดยบริษัทจะนำเงินส่วนหนึ่งมาใช้ในการขยายสาขาเพิ่มประมาณ 4-5 สาขาต่อปี ตลอดจนการนำมาใช้ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากนวัตกรรมใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะผลักดันรายได้และกำไรเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างสม่ำเสมอ"ภก.ธัชพล กล่าว