นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ (LEO) เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับเป้าหมายรายได้ปี 64 ขึ้นเป็น 3,000 ล้านบาท จากเดิมคาดไว้ 2,100 - 2,200 ล้านบาท หลังจากที่ 9 เดือนแรกที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้แล้ว 2,114 ล้านบาท เนื่องจากความต้องการการขนส่งที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงอยู่อย่างต่อเนื่อง หนุนให้ค่าขนส่งทรงตัวอยู่ในระดับสูงด้วย ทั้ง Sea Freight, Air Freight และ Integrated Logistics Services
สำหรับปี 65 บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ไว้ที่ 20-25% โดยมองว่าค่าขนส่งจะยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่งโลกที่เริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น เข้ามาหนุนความต้องการการขนส่งให้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย
"แม้ว่าจะมีนักวิเคราะห์หลายๆ รายออกมาคาดการณ์ว่าค่าขนส่ง จะปรับตัวลดลงในช่วงไตรมาส 2-3 ของปี 65 แต่เราไม่ได้มีมุมมองเป็นแบบนั้น เพราะด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่คลี่คลายหนุนให้เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวทำให้ความต้องการสินค้าปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น และในช่วงไตรมาส 2-3 ของทุกๆ ปีจะเป็นช่วงที่มีการขนส่งจำนวนมาก เราจึงมองว่าค่าขนส่งและความต้องการขนส่งจะยังทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง"นายเกตติวิทย์ กล่าว
นอกจากนี้บริษัทตั้งเป้าที่จะสรุปดีลเข้าซื้อกิจการ (M&A) ในกลุ่มธุรกิจ Air Freight ภายในช่วงที่เหลือของปี 64 เพื่อที่จะสามารถสร้างรายได้ให้แก่บริษัทราว 100 ล้านบาท ในปี 65 ในขณะเดียวกันบริษัทยังได้เตรียมเปิด Self Storage แห่งที่ 2 บนพื้นที่เยาราช และลานรับฝากตู้คอนเทนเนอร์แห่งที่ 2 (Container Depot) ในช่วงปลายปี 64 นี้
ในขณะเดียวกันยังคงเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการอย่างต่อเนื่องในประเทศเวียดนาม และประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งหากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย และเดินทางเข้าไปยังประเทศดังกล่าวได้บริษัทเดินทางเข้าไปเพื่อปิดดีลดังกล่าวได้ทันที