กลายเป็นประเด็น Talk of the town สั่นสะเทือนวงการธุรกิจโทรคมนาคมส่งท้ายปี 2564 สำหรับดีลประวัติศาสตร์การควบรวมกิจการ 2 โอเปอเรเตอร์ค่ายมือถือยักษ์ใหญ่ระหว่าง บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) และ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) ที่มีเป้าหมายก้าวขึ้นสู่ค่ายอันดับหนึ่งของไทยที่จะมีฐานลูกค้ารวมกันกว่า 51 ล้านราย ขยับขึ้นมาแซงหน้า บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) โอเปอเรเตอร์ยักษ์ใหญ่ที่เคยรั้งอันดับหนึ่งมาอย่างยาวนาน (เอไอเอสมีลูกค้า 43.7 ล้านราย) พร้อมกับแสวงหาโอกาสการเติบโตบนโลกดิจิทัลในฐานะ Tech Company ในอนาคต
รายละเอียดขั้นต้นในการควบรวม TRUE-DTAC จะเป็นหุ้นบริษัทใหม่ที่ 138,102 ล้านหุ้น แบ่งเป็นการแปลงหุ้น DTAC เดิม สัดส่วน 1 หุ้น DTAC : 24.53775 หุ้นในบริษัทใหม่ และ 1 หุ้น TRUE เดิม สัดส่วน 1 TRUE : 2.40072 หุ้นในบริษัทใหม่
ทั้งนี้ ภายหลังรวมผู้ถือหุ้นของทั้ง 2 บริษัท สัดส่วนการถือหุ้นจะเป็น DTAC สัดส่วน 42.1% และ TRUE สัดส่วน 57.9%การควบรวมจะแล้วสร็จเมื่อดำเนินการตามข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งผู้ถือหุ้นใหญ่ทั้ง 2 กลุ่ม คือ Telenor และกลุ่ม CP ยังจัดตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้นใหม่ เพื่อทำคำเสนอซื้อโดยสมัครใจ (Tender Offer) โดยของ DTAC กำหนดราคาหุ้นละ 47.76 บาท และ TRUE ที่ราคาหุ้นละ 5.09 บาท
และสัปดาห์นี้เราจะพาส่องการเปลี่ยนโฉมของธุรกิจโทรคมนาคมในปี 2565 ว่าใครได้หรือเสียประโยชน์กันอย่างไร และดีลประวัติศาสตร์นี้จะประสบความสำเร็จ ไม่เข้าข่ายผูกขาดมีอำนาจเหนือตลาดโทรคมนาคมเมืองไทยได้หรือไม่ ??
และราคาหุ้น ADVANC-DTAC-TRUE ที่ขึ้นมาแรงรอบนี้ จะทำให้นักลงทุน "ขึ้นรถ" หรือ "ขึ้นดอย" ค้นทุกคำตอบกับหลายประเด็นที่น่าสนใจไปกับนายสุวัฒน์ วัฒนพรพรหม ผู้ช่วยผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส
ทั้งนี้ รายการ "Wealth Me Please" จะนำข้อมูลความรู้ด้านการเงินและการลงทุน ผ่านมุมมองของผู้เชี่ยวชาญหลายๆท่านนำมาต่อยอดช่วยสร้างความมั่งคั่งได้ด้วยตัวเอง พบกันทุกวันอังคารที่ https://youtube.com/c/InfoQuestNews
https://youtu.be/HNRA1gJZ5Zo