นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธานกรรมการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) เปิดเผยว่า บริษัทคาดรายได้ปี 65 จะเติบโต 8-10% จากปีนี้ ตามกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่จากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ของโรงไฟฟ้าเดิม เช่น โครงการโรงไฟฟ้า SPP Replacement 5 แห่ง กำลังการผลิตรวม 700 เมกะวัตต์ (MW) ซึ่งจะช่วยลดการใช้ก๊าซฯ ลงได้กว่า 15% ของโครงการโรงไฟฟ้าที่ทยอย COD ในปีหน้า เป็นต้น
ทั้งนี้ ปีหน้าบริษัทคาดว่าจะมีกำลังการผลิตติดตั้งเพิ่มมาอยู่ที่ 3,544 MW จากปัจจุบัน 2,894 MW อีกทั้งยังมีการได้มาของสัญญาสัมปทานใหม่ (กรีนฟิลด์) หรือมาจากการเข้าซื้อกิจการ (M&A) รวมกันมากกว่า 1,000 เมกะวัตต์ (MW) โดยการทำ M&A ก็มองไว้ทั้งโรงไฟฟ้าก๊าซฯ และพลังงานทดแทน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
บริษัทวางงบลงทุนไว้ราว 1 แสนล้านบาทเพื่อรองรับการทำ M&A และการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าที่มีสัญญาซื้อขายไฟ (PPA) ได้แก่ โรงไฟฟ้า SPP Replacement จำนวน 5 แห่ง กำลังการผลิตรวม 700 MW ซึ่งจะทยอย COD ในปี 65, โรงไฟฟ้าไฮบริดที่สนามบินอู่ตะเภา แบ่งเป็นการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติกับโซลาร์ฟาร์ม และระบบกักเก็บพลังงาน กำลังผลิต 95 MW , โรงไฟฟ้า SPP อ่างทองกำลังผลิต 280 MW
โดยแหล่งเงินลงทุนก็จะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่เตรียมไว้ 22,000-25,000 ล้านบาท รวมถึงเตรียมออกหุ้นกู้วงเงิน 17,000-20,000 ล้านบาท และส่วนที่เหลือเป็นเงินกู้รูปแบบของโปรเจ็คต์ไฟแนนซ์
นายฮาราลด์ กล่าวว่า สำหรับราคาก๊าซธรรมชาติในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นนั้น บริษัทได้วางแผนรองรับไว้แล้ว โดยเตรียมนำเข้าก๊าซ LNG ในปี 66 เพื่อมาใช้กับโรงไฟฟ้าของบริษัท ซึ่งมั่นใจว่าจะได้ราคาถูกกว่าการซื้อก๊าซจาก บมจ.ปตท. (PTT) แต่อย่างไรก็ตาม มองราคาก๊าซธรรมชาติต่อจากนี้จะเริ่มปรับตัวลดลง จากซัพพลายเพิ่มขึ้น และการเข้าสู่ช่วงฤดูร้อนที่ปริมาณความต้องการใช้จะลดลง
นออกจากนั้น นายฮาราลด์ ลิงค์ ยังกล่าวว่า บริษัทได้จัดทำแผนธุรกิจระยะยาว โดยในปี 73 ตั้งเป้ากำลังผลิตไฟฟ้าเติบโตแตะ 10,000 เมกะวัตต์ จากสิ้นปี 63 ที่มีกำลังการผลิต 3,058 เมกะวัตต์ และตั้งเป้าหมายมีรายได้ระดับ 1 แสนล้านบาท จากการเดินหน้าลงทุนโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในอนาคตทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีแผนลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทางเลือกมากขึ้น