นายวิชาญ วิริยะภูษิต รักษาการ ประธานผู้บริหารสายงานการเงิน บมจ.แสนสิริ (SIRI) เปิดเผยว่า บริษัทฯมีผลงานการพัฒนานวัตกรรมทางการเงิน ที่เป็นไฮไลท์ในปีนี้ ด้วยการจับมือ XSpring และ Bitazza (บิทาซซ่า) โบรกเกอร์ที่มีเครือข่ายทั้งในไทยและทั่วโลก เปิดรับสกุลเงินดิจิทัล ใช้คริปโทซื้อที่อยู่อาศัยของแสนสิริ พร้อมยังใช้จ่ายค่าส่วนกลางโครงการได้ทุกโครงการ ครั้งแรกของวงการอสังหาฯ ที่มีจุดแข็งในการเปิดรับทุก Wallet ไม่จำกัด และคอนเฟิร์มเรตได้ภายใน 5 นาที ด้วยคริปโทถึง 4 สกุลเงินดิจิทัล ได้แก่ Bitcoin, Ethereum (ETH) , USDC และ USDT เพื่อเป็นทางเลือกและเพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้า ซึ่งประสบความสำเร็จจากการใช้คริปโทฯ ซื้อบ้าน ได้กว่า 100 ล้านบาทในระยะเวลาเพียง 1 เดือน
"แสนสิริประสบความสำเร็จจากการพัฒนานวัตกรรมทางการเงินในรูปแบบใหม่ๆ ทั้งเพื่อระดมทุนและดำเนินธุรกิจในรูปแบบใหม่ที่ตอบรับเทรนด์โลกการเงินดิจิทัลและตอบโจทย์พฤติกรรมนักลงทุนและกลุ่มลูกค้าที่เปลี่ยนไปอย่างต่อเนื่องมาตลอดปี 2564 นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งด้วยสภาพคล่องที่มีในมือถึง 15,000 ล้านบาท สวนกระแสเศรษฐกิจ จากกลยุทธ์บริหารจัดการเงินทุนหมุนเวียนที่ดี ในภาวะที่ต้องรับมือกับสถานการณ์โควิด ซึ่งบริษัทฯ ยังได้เตรียมต่อยอดพัฒนาเครื่องมือทางการเงิน ทั้งการระดมทุนรูปแบบใหม่และนวัตกรรมทางการเงินที่จะดึงดูดนักลงทุนและสร้างความแข็งแกร่งให้แบรนด์แสนสิริ ที่พร้อมเตรียมเปิดตัวในต้นปี 2565 ที่จะนับเป็นการพลิกโฉมโลกการลงทุนไทยกับนวัตกรรมทางการเงินใหม่อีกครั้ง ที่ต้องรอติดตาม" นายวิชาญ กล่าว
สำหรับปี 2564 เป็นปีที่แสนสิริเติบโตแบบก้าวกระโดดในด้านการพัฒนานวัตกรรมทางการเงินรูปแบบใหม่ๆ ทั้งการเป็นผู้นำด้านการระดมทุนรูปแบบใหม่ที่ตอบโจทย์พฤติกรรมนักลงทุน และการดำเนินธุรกิจรูปแบบใหม่ที่ตอบรับเทรนด์โลกการเงินดิจิทัล รับความต้องการลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงในปัจจุบันและอนาคต อาทิ การออก "หุ้นกู้แสนสิริ i-EASY" หุ้นกู้ที่เท่าเทียม เข้าถึงได้ ซื้อง่ายผ่านออนไลน์ ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 10,000 บาท ครั้งแรกของเมืองไทย ที่ประสบความสำเร็จในทั้ง 2 รอบที่เปิดจองซื้อ
"หุ้นกู้แสนสิริ i-EASY ที่เปิดให้จองซื้อในทั้ง 2 รอบ มีนักลงทุนจำนวนมากให้ความสนใจจองซื้อ ส่งผลให้ยอดจองซื้อเต็มมูลค่าเสนอขายอย่างรวดเร็ว โดย "หุ้นกู้แสนสิริ i-EASY" มียอดจองซื้อเต็มจำนวนมูลค่ารวม 500 ล้านบาทจากทั้งนักลงทุนรายใหญ่และนักลงทุนรายย่อยประมาณ 1,700 ราย ที่เข้าถึงหุ้นกู้แสนสิริได้ ตรงตามวัตถุประสงค์ในการเป็น "หุ้นกู้ที่ทุกคนเข้าถึงได้และมีโอกาสซื้อเท่าเทียมกัน" ขณะที่ "หุ้นกู้แสนสิริ i-EASY#2" ที่เปิดให้จองซื้อเพิ่มเติมเพื่อรองรับความต้องการของนักลงทุนรายย่อยที่ยังมีดีมานต์และพลาดโอกาสลงทุนจากหุ้นแสนสิริ i-EASY ล็อตแรก ก็มียอดจองซื้อเต็มมูลค่าเสนอขาย 1,000 ล้านบาท ในระยะเวลาเพียง 10 นาที หลังเปิดจองซื้อผ่าน SCB Easy App เพียงช่องทางเดียวเพื่อให้นักลงทุนรายย่อยเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม โดยมีนักลงทุนทั้งรายใหญ่และนักลงทุนรายย่อยประมาณ 2,100 ราย ที่เข้าถึงได้ ตอกย้ำเจตนารมย์และความมุ่งมั่นของแสนสิริ ในการเป็นแบรนด์ที่จับต้องง่ายและ "แบรนด์ที่ทุกคนเข้าถึงได้" ขณะที่การลงทุนก็ต้องเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียมเช่นกัน" นายวิชาญ กล่าว
นอกจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อแสนสิริ ความแข็งแกร่งของแบรนด์แสนสิริ และหุ้นกู้แสนสิริ จากการลงทุนที่ได้รับผลตอบแทนสม่ำเสมอ มีความมั่นคง และเป็นทางเลือกที่ดีในการออมเงินที่ได้รับผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝาก รวมถึงที่สำคัญคือ "การเป็นหุ้นกู้ที่ทุกคนเข้าถึงได้และมีโอกาสซื้อเท่าเทียมกัน" แสนสิริยังได้มุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในการนำเสนอนวัตกรรมทางการเงินในรูปแบบใหม่ ที่ตอบรับความต้องการของลูกค้า เพื่อให้คนไทยเข้าถึงการลงทุนและสนับสนุนให้ทุกคนเข้าถึงการมีบ้านได้ง่ายขึ้นในช่วงที่ผ่านมา อาทิ การเพิ่มสภาพคล่องให้แก่หุ้นกู้แสนสิริ i-EASY ในล็อตแรก ด้วยการประกาศรับหุ้นกู้แสนสิริ i-EASY ในการซื้อบ้าน คอนโด ทาวน์โฮม ของแสนสิริได้ทุกโครงการ ด้วยไฮไลท์ การใช้หุ้นกู้แทนเงินสด เพิ่มสภาพคล่อง
พร้อมยังได้ดอกเบี้ยลงทุน 3% ต่อปีจากหุ้นกู้แสนสิริ i-EASY ต่อเนื่องจนครบกำหนดชำระ โดยไม่เสียประโยชน์การลงทุน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของโลกลงทุนไทยกับนวัตกรรมการเงินใหม่ ที่หุ้นกู้มีสภาพคล่องใช้แทนเงินสดได้ ทำให้ตอบโจทย์นักลงทุนรายย่อยที่อยากมีบ้าน และอยากได้ผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นกู้ไปพร้อมกัน ซึ่งแสนสิริยังได้เล็งต่อยอดรับหุ้นกู้แสนสิริ i-EASY#2 ในการซื้อบ้าน คอนโด ทาวน์โฮม ของแสนสิริได้ทุกโครงการเพิ่มเติมในอนาคตอีกด้วย