ทั้งนี้ บริษัทได้วางเป้าหมายภายใน 5 ปี จะมีจำนวนนักเรียนภายในระบบมากกว่า 4,150 คน จากปัจจุบันมีจำนวนนักเรียนภายในระบบ 2,470 คน โดยในปี 66 บริษัทยังคงเดินหน้าเปิดโรงเรียนนานาชาติ SISB NR (นนทบุรี) ตามแผน และในปี 67 บริษัทเตรียมเปิด The Halving Project ที่จะหนุนให้จำนวนนักเรียนเพิ่มขึ้นเป็น 3,550 คน และในปี 68-69 จะมีนักเรียนเพิ่มเป็น 3,850 คน และ 4,150 คนตามลำดับ ซึ่งหากว่ามีโรงเรียนใหม่เปิดเพิ่มขึ้นมากกว่าแผนคาดว่าจำนวนนักเรียนในระบบจะเพิ่มขึ้นมากกว่าเป้าหมายที่วางไว้ นอกจากนี้บริษัทยังดำเนินกลยุทธ์การเพิ่มจำนวนนักเรียนเข้ามาในระบบเพิ่มเติม ในกลุ่มประเทศอาเซียน โดยเฉพาะประเทศเมียนมาหลังจากที่มีผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ผู้ปกครองหลายรายติดต่อเข้ามาเพื่อที่จะสอบถามแนวทางในการส่งบุครหลานเข้ามาศึกษายังโรงเรียนในเครือของบริษัท จึงเป็นโอกาสในการขยายตลาดต่อได้ พร้อมกันนั้น บริษัทยังคงนโยบายในการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีความสามารถในการแข่งขัน รวมทั้งยังคงเดินหน้าขยายกิจการ "โรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์ธนบุรี" เฟส 2 แม้จะเกิดการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ซึ่งจะเข้ามาช่วยเพิ่มความสามารถในการรองรับนักเรียนใหม่ได้เพิ่มเต็มที่ 600 คน และเข้ามาช่วยสนับสนุนการเติบโตที่เพิ่มขึ้นในอนาคต และทำให้สามารถรองรับนักเรียนได้กว่า 4,500 คน ตามเป้าหมายที่วางไว้
สำหรับทิศทางผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4/64 จะกลับมาเติบโตได้หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย และสามารถกลับมาเปิดโรงเรียนได้ตามปกติ ซึ่งมีจำนวนนักเรียนที่กลับเข้ามาเรียนตามปกติถึง 80% ส่วนที่เหลือยังคงเรียนอยู่ในระบบออนไลน์ ในขณะเดียวกันมีนักเรียนเข้าสมัครเรียนเพิ่มเข้ามาระหว่างภาคเรียนอีก 100-145 คน ส่งผลให้บริษัทมีรายได้จากการให้บริการอาหาร ขนม และอุปกรณ์ด้านการเรียนต่างๆได้ตามปกติ