นางสาวปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เซ็ปเป้ (SAPPE) เปิดเผยว่า สำหรับช่วงโค้งสุดท้ายของปี 64 บริษัทไม่หยุดยั้งที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคที่รักสุขภาพ โดยจะสังเกตได้ว่าความนิยมในการบริโภคสมุนไพรนั้นแพร่หลายไปทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่ในประเทศไทย ซึ่งคนไทยก็หันมาบริโภคสมุนไพรกันอย่างคึกคัก
โดยสมุนไพรที่กำลังได้รับความนิยมสูงสุดอยู่ในขณะนี้คือ "กระชายดำ" ด้วยสรรพคุณของกระชายดำมีมากมายและสามารถใช้ได้ทั้งหญิงและชาย ช่วยบำรุงร่างกายให้แข็งแรง และมีงานวิจัยสรรพคุณมากมาย จึงเกิดกระแสกระชายดำฟีเวอร์ขึ้น มีการส่งเสริมให้ปลูกและทำเป็นผลิตภัณฑ์โอทอป (OTOP) ออกมาวางจำหน่ายเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้กระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศให้กระชายดำเป็นหนึ่งในสมุนไพร 5 ชนิด ที่เป็นโปรดักส์แชมเปียนอีกด้วย
ดังนั้น กระชายดำจึงเป็นสมุนไพรที่ใช้ได้ทั้งชายและหญิงเพราะมีสรรพคุณเฉพาะตัว สามารถพูดได้ว่าเป็นสมุนไพร 2 in 1 อย่างแท้จริง จากคุณสมบัติข้างต้น ถือเป็นโอกาสสำคัญที่เซ็ปเป้จะใช้จุดแข็งของสมุนไพรไทย มาผนวกกับนวัตกรรมและการวิจัยพัฒนาเพิ่มเติม ต่อยอดผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มต่างๆ ของไทย เพื่อขยายตลาดและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั่วโลก
เซ็ปเป้จึงได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ "แม็กซ์ทีฟกาแฟกระชายดำผสมแอล-อาร์จินีน และซิงค์" ด้วยสรรพคุณที่ ไม่มีน้ำตาล ไม่มีคอเลสเตอรอล มีแคลอรีต่ำเพียง 70 Kcal ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าผู้ชาย จัดจำหน่ายผ่านช่องทาง Traditional Trade ตรงกลุ่มเป้าหมาย สามารถหาซื้อได้ง่ายในราคาย่อมเยา เริ่มวางจำหน่ายเดือนธันวาคมเป็นต้นไป ในราคาซองละ 10 บาท หรือสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ช่องทางการขายออนไลน์ FB: Maxtive, Line: @sappeonline และ Shopee: Sappe Official Store
"ในสถานการณ์ปัจจุบัน ผู้บริโภคมักมองหาผลิตภัณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะการบริโภคสมุนไพร ทำให้เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมจากสมุนไพรในไทยได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงนำมาสู่การคิดค้นและพัฒนามาเป็นผลิตภัณฑ์กาแฟปรุงสำเร็จ แบรนด์แม็กซ์ทีฟ กาแฟกระชายดำผสมแอล-อาร์จินีน และซิงค์ ด้วยสรรพคุณของกระชายดำ ให้ความรู้สึกกระปรี้กระเปร่า อย่างไรก็ตาม แม้สินค้าดังกล่าวจะเจาะกลุ่มผู้บริโภคเพศชาย แต่แม็กซ์ทีฟยังเป็นกาแฟที่มีสรรพคุณหลากหลาย ผู้หญิงดื่มได้ ผู้ชายดื่มดี และราคาย่อมเยา ซึ่งคาดหวังว่ากลุ่มผู้บริโภคจะให้การตอบรับผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้เป็นอย่างดี" นางสาวปิยจิต กล่าว