นายนพกฤษฏิ์ นิธิเลิศวิจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ (SCM) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 65 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 50% จากในปีนี้คาดว่าจะมีรายได้ 1,200 ล้านบาท ภายใต้ธีม LEADING CHANGE 2022 นำสู่การเปลี่ยนแปลง ซึ่งมุ่งเน้นในการขับเคลื่อนด้วยพลังแบรนด์ การตลาดดิจิทัล ระบบที่เน้นการสร้างประสบการณ์ที่ประทับใจของลูกค้า ผ่านการเติบโตในประเทศและต่างประเทศ คาดว่าสัดส่วนรายได้จะมาจากในประเทศ 80% และอีก 20% มาจากต่างประเทศ จากเดิมที่ในประเทศ 85% และต่างประเทศ 15% โดยยังเดินหน้าในการพัฒนาและออกสินค้าใหม่ไตรมาสละ 1-2 รายการในกลุ่มของใช้ กลุ่มเกษตร เช่น ปุ๋ยน้ำ รวมไปถึงสินค้ากลุ่มเพื่อสุขภาพ
บริษัทวาง 4 กลยุทธ์หลัก คือ 1.Leverage Brand Energy การยกระดับพลังแบรนด์องค์กรและสินค้าให้สามารถขยายกลุ่มเป้าหมายได้กว้างและลึกขึ้น ตลอดจนการสร้างแบรนด์เลิฟเวอร์อย่างต่อเนื่อง โดยวางเป้าขยายฐานสมาชิกแตะระดับ 150,000 ราย จากปัจจุบัน 120,000 ราย และหากรวมดีลเลอร์จากต่างประเทศ จะทำให้ยอดรวมขึ้นสู่ 250,000 ราย
2.Driving Digital การขับเคลื่อนด้วยระบบดิจิทัลในทุกๆ ฝ่ายงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และประสิทธิผลในการทำงานและเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการขยายตลาด Leading Change 2022
3.Create Online & Offline Breakthrough System การสร้างและผสมผสานระบบ Online และ Offline ที่ส่งเสริมซึ่งกันและกันเพื่อรองรับและเติมเต็มจุดอ่อนจุดแข็งของ ทั้ง 2 ระบบ ด้วยการยกธุรกิจมาไว้ในมือถือ ผ่านแอปพลิเคชั่น SCM CONNEXT เพื่อเชื่อมต่อสายงานที่มาพร้อมกับฟังก์ชันในการขับเคลื่อนธุรกิจ ผ่านแพลตฟอร์ม E-Commerce ที่มีระบบซื้อขายออนไลน์ 100% มาพร้อมกับ Payment Gateway & Tracking order New Register & Sponsor link ฟังก์ชันที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้ขยายธุรกิจในรูปแบบออนไลน์ 100%
4.Customer Experience Management การบริหารจัดการและร่วมสร้างประสบการณ์ที่ดี ต่อแบรนด์ของลูกค้า
สำหรับตลาดต่างประเทศ ปัจจุบันตลาดที่มีทิศทางการเติบโตที่ดี คือ กัมพูชา เติบโตกว่า 100% ตามมาด้วยสิงคโปร์และมาเลเชีย เติบโตกว่า 50% พร้อมกันนี้บริษัทยังวางแผนขยายไปในโซนยุโรปอย่างต่อเนื่องภายในปี 65 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการตลาด รองรับความต้องการของกลุ่มผู้บริโภค โดยใช้จุดแข็งของไทยตอบรับเทรนด์สุขภาพของโลก
พร้อมปรับกลยุทธ์ในตลาดต่างประเทศด้วยกลยุทธ์ Local Marketing ปรับให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคและการแข่งขันในตลาดแต่ละประเทศ เชื่อมโลกออฟไลน์และออนไลน์ไว้ด้วยกัน พร้อมผลักดัน สินค้า Flagship และพัฒนา digital platform
นายนพกฤษฏิ์ เปิดเผยอีกว่า บริษัทยังจะมุ่งเน้นการเป็น Health Tech เป็นเทคโนโลยีด้านสุขภาพที่พัฒนา โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรเพื่อทำศูนย์สุขภาพในการตรวจดีเอ็นเอเพื่อให้ทราบถึงสุขภาพเบื้องต้น และเพื่อให้สามารถรับประทานอาหารเสริมที่ตอบโจทย์สุขภาพและร่างกายของแต่ละบุคคลได้มากขึ้น
สำหรับทิศทางผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/64 คาดว่ายอดขายจะเติบโต 5-7% เนื่องจากการกระตุ้นยอดขายผลิตภัณฑ์เดิมในพอร์ตทั้งในประเทศ และต่างประเทศ หลังจากได้มีการออก 2 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ 1.Nutriga Su-rin (เสริมอาหารป้องกันเบาหวาน) และ 2.Nutriga Canza (เสริมอาหารป้องกันมะเร็ง) ถือเป็นฐานตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่มาก
ทั้งนี้ การออกสินค้าใหม่นั้นเป็นการออกสินค้าต่อเนื่อง จากในช่วง 2 ไตรมาสที่ผ่านมามีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่มากว่า 9 รายการ รวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์สกิลแคร์น้ำมันจากเมล็ดกัญชง 3 ผลิตภัณฑ์ที่พึ่งได้เปิดตัวไป พร้อมกันนี้ยังมีการผลักดันกลุ่มสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงควบคู่ไปกับการบริหารค่าใช้จ่าย และบริหารให้มีประสิทธิภาพ ทำให้ความสามารถในการทำอัตรากำไรสุทธิยังมีการเติบโต 5 ไตรมาสติดต่อกัน