บลจ.ทิสโก้ ขายกองทุน FIF มูลค่า 1.5 พันลบ.ลงทุนพันธบัตรออสเตรเลีย

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 27, 2007 14:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          บลจ.ทิสโก้ เสนอขายกองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรออสเตรเลีย มูลค่าโครงการ 1.5 พันล้านบาท ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลออสเตรเลีย เนื่องจากเป็นประเทศที่ให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสูง คาดผลตอบแทนสูงถึง 5.9 % ต่อปี เปิดขายครั้งเดียววันที่ 3-14 ธ.ค.นี้ ลงทุนขั้นต่ำ 2 หมื่นบาท ลดความเสี่ยงจากปัญหาซับไพร์มจากสหรัฐ
นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส รองกรรมการผู้จัดการ บลจ.ทิสโก้ เปิดเผยว่า บริษัทจะมีการเสนอขาย กองทุนเปิด ทิสโก้ พันธบัตรออสเตรเลีย ซึ่งเป็นกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศออสเตรเลีย ระยะเวลาลงทุนประมาณ 1 ปี 9 เดือน 15 วัน
สาเหตุหลักที่เลือกลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลของประเทศออสเตรเลีย เนื่องจากเป็นประเทศที่ให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสูง ประกอบกับรัฐบาลออสเตรเลียเป็นประเทศที่มีอันดับความน่าเชื่อถือสูงสุด คือ AAA จึงทำให้การลงทุนในพันธบัตรของออสเตรเลียมีความเสี่ยงต่ำ เชื่อว่าน่าจะช่วยลดความกังวลของนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงด้วยการลงทุนในต่างประเทศ แต่ยังคงกังวลในเรื่องสถานการณ์ความผันผวนต่างๆ เช่น วิกฤติซับไพร์มจากสหรัฐอเมริกา
ทั้งนี้ กองทุนดังกล่าวจะมีสัดส่วนการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลออสเตรเลียไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือจะลงทุนในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาลไทย และ/หรือเงินฝาก
เนื่องจากกองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศ (FIF)ดังนั้นจึงไม่มีค่าใช้จ่ายในการซื้อสัญญาฟอร์เวิร์ด เพื่อป้องกันความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยน (FX Risk) ทำให้ผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนมากกว่า เนื่องจากเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนของค่าเงินบาทต่อเงินสกุลเงินดอลล่าร์ออสเตรเลียจะไม่ผันผวนมากนัก เพราะเป็นเงินสกุลในกลุ่มประเทศแถบเอเชียเหมือนกัน อีกทั้งประเทศออสเตรเลียยังเป็นประเทศในกลุ่มเอเชียที่เป็นคู่ค้ากับประเทศในแถบเอเชียเป็นหลักเช่นเดียวกันอีกด้วย
"จากการพิจารณาอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลออสเตรเลียที่คาดว่าจะลงทุน ซึ่งได้แก่พันธบัตรรัฐบาลออสเตรเลีย รุ่น 7 1/2 09/09 ที่ครบอายุในเดือนกันยายน 2009 นั้น คาดว่าจะให้ผลตอบแทนประมาณ 6.7% ต่อปี ส่วนที่เหลือจะลงทุนในตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล และ/หรือเงินฝาก ผลตอบแทนประมาณ 3.5 % ต่อปี และเมื่อคำนวณค่าใช้จ่ายของกองทุนประมาณ 0.7% ต่อปี จึงคาดว่ากองทุนนี้น่าจะได้รับผลตอบแทนอยู่ที่ประมาณ 5.9% ต่อปี ซึ่งถือว่าสูงและน่าสนใจมาก" นายธีรนาถ กล่าว
ทั้งนี้สัดส่วนการลงทุนและอัตราผลตอบแทนอาจเปลี่ยนแปลงไป ขึ้นอยู่กับผลการประมูลของตราสาร ณ วันที่ลงทุนและการเปลี่ยนแปลงจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
นอกจากนี้ กองทุนนี้ไม่ใช่สกุลดอลลาร์สหรัฐ แต่เป็นเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย ดังนั้นการแข็งค่าของเงินบาทต่อสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐจึงไม่ใช่ประเด็นที่น่ากังวลใจ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ