โบรกเกอร์ต่างเชียร์ "ซื้อ" หุ้น บมจ.ที.เอ.ซี.คอนซูเมอร์ (TACC) เล็งกำไรสุทธิไตรมาส 4/64 มีโอกาสทำสถิติสูงสุดใหม่ หลังจากปรับโครงสร้างบริหารจัดการต้นทุน และการบริหารจัดการด้าน Logistic ที่มีประสิทธิภาพ รวมไปถึงการขยายธุรกิจผ่านพันธมิตรใหม่อย่าง Lotus?s go fresh ขณะที่ร้าน 7-Eleven ขยายสาขาต่อเนื่อง ขณะที่การยกเลิกมาตรการเคอร์ฟิวและล็อกดาวน์ช่วยหนุนยอดขาย พร้อมออกสินค้าใหม่ช่วงโค้งสุดท้ายของปี
ด้านกำไรสุทธิในปี 65 จะเติบโตต่อเนื่องจากรายได้ธุรกิจ Character ที่จะทยอยกลับเข้ามา และการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ตามฤดูกาล รวมไปถึงสินค้าธุรกิจกัญชงที่คาดจะเริ่มวางจำหน่ายได้ภายในไตรมาส 2/65
หุ้น TACC ปิดภาคเช้าที่ 7.55 บาท ลดลง 0.05 บาท (-0.66%) ขณะที่ดัชนี SET บวก 0.19%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) เคจีไอ ซื้อ 10.50 หยวนต้า ซื้อ 10.10 เคทีบีเอสที ซื้อ 10.00 ฟิลลิป ซื้อ 9.50 ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 9.50 คันทรี่ กรุ๊ป ซื้อ 9.25 โนมูระ พัฒนสิน ซื้อ 8.80
นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มผลกำไรสุทธิของ TACC ไตรมาส 4/64 น่าจะทำสถิติสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง เพราะในช่วงไตรมาส 3/64 แม้ต้องเผชิญกับภาวะโรคระบาดโควิด-19 ก็ยังสามารถทำกำไรสุทธิสูงสุดใหม่ที่ 56 ล้านบาท (+20.4%YoY และ +4.4%QoQ) เป็นผลมาจากการปรับโครงสร้างการบริหารจัดการต้นทุน และการบริหารจัดการด้าน Logistic ที่มีประสิทธิภาพ
ปัจจัยหนุนสำคัญที่จะทำให้กำไรในไตรมาส 4/64 เติบโตได้ต่อเนื่อง มาจากการขยายธุรกิจผ่านพันธมิตรใหม่อย่าง Lotus?s go fresh หลังจากพันธมิตรหลักอย่าง CPALL เข้าไปถือหุ้นใน Lotus?s โดยในสิ้นเดือน พ.ย.64 Lotus?s go fresh มีทั้งสิ้น 1,400 สาขา คาดว่ายอดขายผ่าน Lotus?s go fresh จะคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 2.6% และ 13.6% ของยอดขายรวมในปี 64 และ 65 ตามลำดับ
รวมไปถึงการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องของร้าน 7-Eleven ปีละ 700 สาขา และปริมาณยอดขายของ All Cafe เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งยอดขายของ All Cafe คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40% ของยอดขายรวมทั้งหมดของ TACC ก็จะช่วยสร้างการเติบโตในธุรกิจ B2B อีกด้วย
สำหรับธุรกิจ B2C ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเพียง 3-4% ของรายได้รวม มีการจัด Events น้อยลงช่วงที่เกิดโควิด-19 จึงมั่นใจว่าภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้นจะเป็นโอกาสดีที่ธุรกิจ B2C ที่จะฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งจนกลับมาอยู่ระดับปกติได้ในอีกสองสามปีข้างหน้า
ทั้งนี้ ได้ปรับเพิ่มประมาณกำไรสุทธิปี 65 ขึ้นจากเดิม 8.8% เป็น 260 ล้านบาท (+26.4%YoY) เนื่องจากปรับคาดการณ์ยอดขายขึ้นจากเดิมอีก 0.7% เป็น 1.61 พันล้านบาท และปรับอัตรากำไรขั้นต้นขึ้นอีก 2.0 ppts เป็น 38.0% ด้าน SG&A/ยอดขายขึ้นอีก 0.5 ppt เป็น 18.0%
ส่วน บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า กำไร TACC ในไตรมาส 4/64 จะเติบโตต่อเนื่องทั้ง QoQ และ YoY ภายหลังผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ช่วยหนุน Traffic ของร้าน 7-11 อีกครั้ง รวมถึงยังมีการออกเครื่องดื่มโถกดรสชาติใหม่ เก็กฮวย และเตรียมออกสินค้าใหม่น้ำดื่มอัลคาไลน์ แบรนด์ Eight Plus x Jay The Rabbit (เป็นสินค้า OEM จ้างผู้ผลิตภายนอกผลิตให้ ขายผ่าน 7-11 ช่วงต้นเดือน ธ.ค.เป็นต้นไป จึงคาดช่วยหนุนการเติบโตทั้งรายได้และกำไรในไตรมาส 4/64
ด้านกำไรสุทธิปี 64 ยังคงประมาณการไว้ที่ 206 ล้านบาท (+9.3%YoY) และปี 65 อยู่ที่ 249 ล้านบาท (+20.9%YoY) แม้ราคากล่องกระดาษในตลาดจะปรับตัวสูงขึ้น แต่บริษัทมีการใช้ Green Carton (บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Supplier รายใหญ่ที่ต้องการขยายการใช้บรรจุภัณฑ์ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมให้เป็นวงกว้าง ทำให้ต้นทุนของบริษัทยังทรงตัวได้ นอกจากนี้แม้สัญญาณราคาครีมเทียมมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น แต่ยังไม่กระทบในไตรมาส 4/64-1/65 เพราะมีการล็อกราคาล่วงหน้าและต้นทุนครีมเทียมมีสัดส่วนที่น้อย (ต้นทุนหลักคือกาแฟและชา)
สำหรับเป้ารายได้ปี 65 ผู้บริหารตั้งเป้าเติบโตที่ 10-15% จากปัจจัยการฟื้นตัวหลังโควิดคลี่คลาย และล่าสุดได้ทยอยขยายสินค้าไปยังลูกค้า Non 7-11 อย่าง Lotus?s Hypermarket 21 สาขา ส่วนร้าน Jungle Cafe ใน Lotus? go fresh เพิ่มขึ้นเป็น 1,400 สาขา และคาดจะขยายได้ครบ 1,679 สาขาในระยะถัดไป รวมถึงมีโอกาสขยายเมนูอื่นเพิ่มเติม จากปัจจุบันขายอยู่ 2 เมนู ในขณะที่ขยายสาขาของ 7-11 ในกัมพูชาและลาวก็จะสร้างการเติบโตให้บริษัทด้วยเช่นกัน
ด้าน บล.เคทีบีเอสที ระบุว่า ผลประกอบการของ TACC ในไตรมาส 4/64 มีทิศทางที่ดีจากยอดขายในเดือนต.ค.ที่ปรับตัวดีขึ้น +5%YoY และจะดีขึ้นต่อเนื่องหลังจากประชาชนเริ่มกลับเข้าทำงานที่ออฟฟิศ และการยกเลิกมาตรการเคอร์ฟิว โดยเฉพาะในเขต กทม.และปริมณฑลที่มีสัดส่วน 43% ของสาขาทั่วประเทศ ทำให้จำนวนผู้เข้าใช้บริการเครื่องดื่ม All Cafe มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น และมีสินค้าใหม่ที่จะเปิดตัวในช่วงเดือน ธ.ค.21 นี้ เพื่อรองรับตลาดคนรักสุขภาพ
พร้อมมีมุมมองกำไรในปี 65 จะกลับมาเติบโตดีที่ 27%YoY จากธุรกิจ Character ที่จะสามารถกลับมาสร้างรายได้เทียบเท่าปี 62 ราว 40-50 ล้านบาทต่อปี หลังจากหลายกิจกรรมถูกระงับชั่วคราวจากโควิดในปี 64 และคาดว่าบริษัทยังสามารถรักษาระดับ Gross Profit Margin ให้ยืนเหนือ 35% ได้ จากการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ตามฤดูกาล และธุรกิจกัญชงที่คาดว่าจะสามารถเริ่มวางจำหน่ายได้ภายในไตรมาส 2/65
https://youtu.be/RvKIe472EFc