นายพงษ์ศักดิ์ ศิริคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เด็มโก้ (DEMCO) เปิดเผยว่า บริษัทมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจใหม่ไปสู่ธุรกิจการทำสถานีไฟฟ้าย่อย สำหรับรองรับสถานีชาร์จไฟฟ้า การบริหารจัดการโครงข่าย Micro Grid รวมถึงการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนประเภท BIOMASS, BIOGAS เพื่อต่อยอดธุรกิจหลัก ซึ่งจะช่วยสนับสนุนอนาคตให้มีแหล่งรายได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย
ภาพรวมการดำเนินธุรกิจในไตรมาส 4/64 มีแนวโน้มดีขึ้น หลังจากที่มีนโยบายเปิดประเทศได้เริ่มขับเคลื่อนและมีความชัดเจนมากขึ้น แม้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ที่กำลังกลายพันธุ์ แต่คาดว่าภาครัฐและเอกชนจะยังคงเดินหน้าลงทุนในโครงการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ดังนั้นมั่นใจว่าจะช่วยสนับสนุนให้ในปีนี้บริษัทสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
"ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่แล้ว 4,285 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ส่วนใหญ่ ในปี 2565 ? 2566 ซึ่งเป็นงานออกแบบจัดหาพร้อมติดตั้ง (EPC) ในโครงการระบบวิศวกรรมโรงงานไฟฟ้า โครงการโรงไฟฟ้าหมุนเวียน ขณะที่มีแผนที่จะเดินหน้าประมูลงานโครงการใหม่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการประมูลงานโครงการของภาครัฐ ทั้งในส่วนโครงการของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งจะมีการเปิดประมูลงานในส่วนงานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อย (Substation) เฉลี่ย 1 หมื่นล้านบาทต่อปี และโครงการของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอเข้าประมูลงานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าย่อยและสายส่ง และมีมูลค่าเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 7,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะสนับสนุนให้บริษัทเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง"
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวอีกว่าในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้ชนะงาน EPC ที่มีมูลค่างานในระดับที่สูงขึ้น เช่น โครงการสร้างระบบจำหน่ายไฟฟ้าสำหรับทางด่วนที่เชื่อมระหว่างเมือง 2 สาย บางใหญ่-กาญจนบุรี (M81) และบางปะอิน - นครราชสีมา มูลค่ารวม 1,130 ล้านบาท รวมทั้งมูลค่าโครงการที่จะเปิดให้ประมูลใหม่ ส่วนมากจะมีมูลค่าโครงการสูงขึ้น ซึ่งบริษัทมีความชำนาญและมีความสามารถบริหารจัดการต้นทุนที่ดี ดังนั้นน่าจะช่วยสนับสนุนให้ความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้นได้ในอนาคต อนึ่ง ภาพรวมผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนของปี 2564 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 2,191.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.4% จากงวดเดียวกันปีก่อนนี้มีรายได้รวมเท่ากับ 1,733.7 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 30.7 ล้านบาท ส่วนงวดไตรมาส 3/2564 มีรายได้รวมอยู่ที่ 857.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.4% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวมเท่ากับ 695.0 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 23.3 ล้านบาท