บมจ.โนวา ออร์แกนิค (NV) กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 150 ล้านหุ้น ที่ 6.90 บาท/หุ้น จากมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เปิดให้จองซื้อในช่วงวันที่ 15-17 ธ.ค. 64 คาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในหมวดสินค้าอุปโภคบริโภค/ของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ภายในสิ้นปี 64 โดยมีบริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ บล.โกลเบล็ก เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นในครั้งนี้
การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน 6.90 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio : P/E) เท่ากับ 8.30 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.63 ถึงวันที่ 30 ก.ย.64 หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทฯ ก่อนการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ จำนวน 450 ล้านหุ้น (Pre-IPO Dilution) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.83 บาทต่อหุ้น และคิดเป็น P/E เท่ากับ 11.07 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.63 ถึงวันที่ 30 ก.ย.64 หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทฯ หลังจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ ซึ่งเท่ากับ 600 ล้านหุ้น (Post-IPO Dilution) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.62 บาทต่อหุ้น
ทั้งนี้ อัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิดังกล่าวคำนวณจากผลประกอบการในอดีต 4 ไตรมาสย้อนหลัง โดยที่ยังมิได้พิจารณาถึงผลการดำเนินงานในอนาคต
เนื่องจากลักษณะธุรกิจของบริษัทไม่สามารถเทียบเคียงได้กับบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ใดเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการประเมินราคาหุ้นที่เสนอขายได้อย่างเหมาะสม บริษัทจึงได้เลือก บจ.ในหมวดบริการและสินค้าอุปโภคบริโภคของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) และดำเนินธุรกิจใกล้เคียงกันกับบริษัท ได้แก่ บมจ.เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ (MEGA) ซึ่งมีค่า P/E ที่ 25.51 เท่า บมจ.เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ (APCO) ซึ่งมี P/E ที่ 51.70 เท่า และ บมจ.ดีโอดี ไบโอเทค (DOD) ซึ่งมีค่า P/E ที่ 123.07 เท่า โดยอัตราดังกล่าวเป็นค่าเฉลี่ยของในช่วงระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 22 ก.ค.-2 ธ.ค.64
NV ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Dietary Supplement Product) ที่มีส่วนประกอบหลักมาจากวัตถุดิบที่หลากหลาย ภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัทฯ เอง และธุรกิจรับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (OEM) โดยบริษัทจะให้คำปรึกษาและบริการแบบครบวงจร
นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด เปิดเผยว่า NV ลงนามในสัญญาแต่งตั้ง บล.โกลเบล็ก จำกัด เป็นผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน พร้อมผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย อีก 6 บริษัท ได้แก่ บล.ฟินันเซีย ไซรัส, บล. โนมูระ พัฒนสิน, บล. เคทีบีเอสที, บล. คันทรี่ กรุ๊ป, บล. อาร์เอชบี (ประเทศไทย) และบล. เคจีไอ (ประเทศไทย)
นายกิตติพันธ์ ภูษณวรรณ กรรมการผู้จัดการอาวุโส บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ราคาเสนอขายหุ้นสามัญ NV หุ้นละ 6.90 บาท คิดเป็น P/E ที่ประมาณ 11.07 เท่า (Fully diluted) ซึ่งเป็นระดับราคาที่สอดคล้องและเหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัทในปัจจุบัน และเมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทเทียบเคียงที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งได้แก่ MEGA DOD และ APCO ในระยะเวลา 90 วัน ตั้งแต่วันที่ 22 กรกฎาคม 2564 ถึงวันที่ 2 ธันวาคม 2564 บริษัทเทียบเคียงมี P/E เฉลี่ยที่ 66.76 เท่า โดยบริษัทมี P/E ที่ต่ำกว่าตลาดถึง 6 เท่า
สำหรับเม็ดเงินที่ได้จากการะดมทุนในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์สำหรับใช้ลงทุนในโรงงานและคลังสินค้าแห่งใหม่ เพื่อขยายพื้นที่ในการจัดเก็บสินค้าและรองรับการเติบโตในอนาคต ประมาณ 500 ล้านบาท ใช้สำหรับปรับปรุงโรงงานเดิมเพื่อการผลิตสินค้าประเภทสมุนไพรและโรงงานสกัดสารสำคัญเพื่อการขยายสายการผลิตที่ครอบคุลม ประมาณ 35 ล้านบาท เพื่อใช้ในการปรับปรุงอาคารสำนักงานแห่งใหม่ ทดแทนการเช่าอาคารซึ่งมีพื้นที่ขนาดเล็กไม่เพียงพอต่อการขยายตัวของบริษัทฯ และรองรับการขยายช่องทางการจำหน่ายผ่านทางโทรศัพท์ (Telesales) ประมาณ 50 ล้านบาท และที่เหลือจะใช้เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ
"คาดว่าหุ้น NV จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างดี หลังบริษัทได้นำเสนอข้อมูลหลักทรัพย์ ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์แก่นักลงทุนทั่วไปและนำเสนอข้อมูลบริษัท แก่เจ้าหน้าที่การตลาด ณ ห้องค้าบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำ ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างดี ประกอบกับทีมผู้บริหารที่มีประสบการณ์ วิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการพัฒนาธุรกิจของบริษัทให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้หุ้น NV มีความน่าสนใจและเป็นหุ้นที่จะสร้างผลตอบแทนเป็นที่น่าพอใจให้กับนักลงทุน" นายกิตติพันธ์ กล่าว
นายนวพล จันทร์จุฑามาศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NV เปิดเผยว่า การเข้าจดทะเบียนใน SET จะช่วยเสริมศักยภาพและความแข็งแกร่งในการขยายธุรกิจตามแผนงานที่วางไว้ โดยเชื่อมั่นว่าด้วยศักยภาพของบริษัท ที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมากว่าสิบปี รวมทั้งมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีและการขยายตัวที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอนาคต จะดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาร่วมลงทุนกับบริษัท
"การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในครั้งนี้ บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาให้องค์กรเติบโตอย่างยั่งยืน เนื่องจากแนวโน้มของอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด บริษัทจึงต้องเตรียมพร้อมรองรับการขยายตัวดังกล่าว ทั้งการปรับปรุงโรงงาน โกดังสินค้าและอาคารสำนักงาน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาด การออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบันที่หันมาใส่ใจสุขภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งปรับกลยุทธ์การขายและเพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น นับเป็นปัจจัยที่นักลงทุนให้ความสนใจและให้การตอบรับที่ดี" นายนวพล กล่าว