ตลาดหลักทรัพย์ ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,641.73 จุด ลดลง 3.59 จุด (-0.22%) มูลค่าการซื้อขาย 96,453.20 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ โดยดัชนีทำระดับสูงสุด 1,646.85 จุด และระดับต่ำสุด 1,637.09 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 514 หลักทรัพย์ ลดลง 1,060 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 523 หลักทรัพย์
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ ผู้อำนวยการอาวุโสนักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งแคบคคล้ายกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียวันนี้เคลื่อนไหวในแดนบวก-ลบสลับกัน ขณะทีตลาดในยุโรปเทรดบ่ายนี้ติดลบเล็กน้อยราว 0.3% หลังจากที่วานนี้ปรับตัวขึ้นค่อนข้างแรง ซึ่งมองเป็นการชะลอความร้อนแรง โดยในช่วงท้ายตลาดฯอาจรับผลกระทบจาก FTSE Rebalance แต่คงจะไม่มาก และวอลุ่มเทรดโดยรวมของตลาดฯก็อาจจะมีมากขึ้น
แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า นายวิจิตร กล่าวว่า ตลาดฯคงจะแกว่ง Sideway ถึง Sideway up ในลักษณะสร้างฐานแต่ยังแกว่งขึ้นได้อยู่ จากแรงหนุนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์หน้า ที่จะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วยเป็นแรงส่งให้กับตลาดฯ ซึ่งก็เชื่อว่าน่าจะมีหลายโครงการออกมา
นอกจากนี้ ให้ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 22 ธ.ค.นี้ โดยจับตามุมมองเศรษฐกิจ ซึ่งเชื่อว่าน่าจะค่อย ๆ ฟื้นตัว และให้ติดตามตัวเลขส่งออกของไทยที่จะออกมาในวันที่ 23 ธ.ค.นี้ด้วย รวมถึงติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอน หลังจากที่อังกฤษมีจำนวนผู้ติดเชื้อที่เร่งตัวขึ้นมาก
พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,630-1,660 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
EA มูลค่าการซื้อขาย 8,759.27 ล้านบาท ปิดที่ 93.25 บาท ลดลง 4.75 บาท
SCGP มูลค่าการซื้อขาย 4,619.44 ล้านบาท ปิดที่ 67.75 บาท เพิ่มขึ้น 3.25 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 3,592.19 ล้านบาท ปิดที่ 141.00 บาท ลดลง 2.00 บาท
GPSC มูลค่าการซื้อขาย 3,543.38 ล้านบาท ปิดที่ 78.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 3,475.50 ล้านบาท ปิดที่ 59.50 บาท ลดลง 1.00 บาท