ภาวะตลาดหุ้นลอนดอน: แรงซื้อหุ้นกลุ่มการเงิน หนุนฟุตซี่ปิดบวก 33 จุด

          ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (12 พ.ย.) จากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นกลุ่มการเงิน อย่างไรก็ตาม การที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลดลงได้ถ่วงตลาดหุ้นลอนดอนถอยร่นลงจากระดับสูงสุดในระหว่างวันด้วย
          สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดเพิ่มขึ้น 33 จุด แตะระดับ 6,337.9 จุด หลังจากทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในระหว่างวันที่ 6,365.2 จุด มีปริมาณการซื้อขาย 2.38 พันล้านหุ้น
          นายจิมมี ยาเตส นักวิเคราะห์จากซีเอ็มซี มาร์เก็ตส์คาดว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของอังกฤษซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันพรุ่งนี้จะเป็นตัวบ่งชี้ทิศทางตลาดในระยะสั้น นอกจากนี้ คาดว่านักลงทุนจะจับตาดูผลประกอบการของบริษัทใหญ่ๆหลายแห่ง อาทิ บริษัทโวดาโฟน บริษัทเคเบิ้ลแอนด์ไวร์เลส และบริษัทบริติช เอ็นเนอร์จี
          ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มการเงินได้รับแรงซื้อหนาแน่น โดยหุ้นสแตนดาร์ดไลฟ์ปิดพุ่งขึ้น 15 เพนซ์ แตะระดับ 259 เพนซ์ หลังจากสแตนดาร์ดไลฟ์ปฏิเสธข้อเสนอซื้อหุ้นจากบริษัทเรโซลูชัน เพื่อเปิดทางให้บริษัทเพิร์ลกรุ๊ปยื่นข้อเสนอซื้อเพียงรายเดียว
          หุ้นธนาคารนอร์เธิร์น ร็อค ปรับตัวขึ้น 9.4 เพนซ์ ปิดที่ 154 เพนซ์ หุ้นธนาคารบาร์เคลย์สดีดขึ้น 38 เพนซ์ ปิดที่ 513 เพนซ์ หุ้นธนาคาร HBOS บวกขึ้น 44 เพนซ์ ปิดที่ 796 เพนซ์ และหุ้นธนาคารรอยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ ดีดขึ้น 9.2%
          ส่วนหุ้นในกลุ่มเหมืองแร่นั้น หุ้นรีโอตินโตพุ่งขึ้น 43 เพนซ์ ปิดที่ 1,547 เพนซ์ และหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ดีดขึ้น 11 เพนซ์ ปิดที่ 943 เพนซ์ หลังจากมีข่าวว่าบีเอชพี บิลลัน ยื่นข้อเสนอเทคโอเวอร์กิจการรีโอตินโต
          อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์กล่าวว่า การที่บีเอชพี บิลลิตัน ยื่นข้อเสนอเทคโอเวอร์กิจการรีโอตินโต เป็นเงินมูลค่า 3.50 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ อาจทำให้กลุ่มผู้ผลิตเหล็กในจีนกังวลว่า บริษัทเหมืองยักษ์ใหญ่ที่ควบรวมกิจการกันเช่นนี้จะมีอำนาจในการกำหนดราคาสินแร่เหล็กมากเกินไป