บมจ.เอสวีไอ(SVI)คาดว่ายอดขายในปี 50 จะทำได้ 166 ล้านเหรียญสหรัฐ เกินจากเป้าหมายที่วางไว้ 160 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยในไตรมาส 4/50 คาดว่าจะมียอดขายใกล้เคียงกับไตรมาส 3/50 ที่มียอดขาย 45 ล้านเหรียญสหรัฐ
ขณะทีเชื่อว่าในปี 51 บริษัทจะมียอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 180 ล้านเหรียญสหรัฐ จากการทยอยเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 220 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยบริษัทเตรียมงบลงทุนเพื่อซื้อเครื่องจักรใหม่ 5 ตัว วงเงินราว 200 ล้านบาท
นายพงษ์ศักดิ์ โล่ห์ทองคำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SVI เปิดเผยว่า ยอดขายในปี 50 หากเทียบเป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นอัตราเติบโต 23% จากปีก่อนที่มียอดขาย 135 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่หากเทียบเป็นเงินสกุลบาทยอดขายในปี 50 จะมี 5,644 ล้านบาท (คิดอัตราแลกเปลี่ยนที่ 34 บาท/ดอลลาร์) ขยายตัว 10% จากยอดขายปีก่อนที่มี 5,104 ล้านบาท(คิดอัตราแลกเปลี่ยน 36 บาท/ดอลลาร์)
"ยอดขายในสกุลเงินบาทโต 10% ได้ เพราะบริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้นจึงไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากเงินบาทที่ผันผวน ผมไม่กังวลเรื่องเงินบาทแข็งค่าเพราะได้ทำ hedging อยู่แล้วทั้ง 100% มองว่ายิ่งเงินดอลลาร์อ่อนก็ happy ทั้งลูกค้าและผมเอง เพราะเวลาลูกค้ายุโรปสั่งซื้อจะใช้เงินสกุลดอลลาร์ชำระเงิน ในขณะที่เราได้ปริมาณขายเพิ่มขึ้น"นายพงษ์ศักดิ์ กล่าว
ส่วนยอดขายในไตรมาส 4/50 สูงกว่าไตรมาส 1/50 และไตรมาส 2/50 ส่วนใหญ่มีออเดอร์มาจากลูกค้าจากยุโรปสัดส่วน 75% ยังไม่รวมลูกค้าใหม่ 2 ราย ที่คาดว่าจะเพิ่มยอดขายในปีหน้า แม้ว่าลูกค้าใหม่ในปัจจุบันจะมีออเดอร์เบื้องต้นรวม 7.8 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่บริษัทจะรักษาลูกค้าใหม่ โดยเชื่อปีหน้าลูกค้าใหม่จะมีออเดอร์เพิ่มเฉลี่ยรายละ 20 ล้านเหรียญสหรัฐ/ปี
ทั้งนี้ ในปี 51 บริษัทจะรักษากำไรขั้นต้นไว้ที่ 11% ใกล้เคียงกับปีนี้ เพราะบริษัทมียอดขายที่เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายต่ำลง
นอกจากนี้ หากโรงงานแห่งที่ 3 แล้วเสร็จ บริษัทจะพิจารณาแผนลงทุนตั้งโรงงานผลิตที่เวียดนามอีกแห่ง
สำหรับความคืบหน้าโรงงานแห่งที่ 3 คาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตให้กับลูกค้าได้ในช่วงต้นปี ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตของบริษัทเพิ่มขึ้นด้วย โดยบริษัทจะทยอยการเพิ่มกำลังการผลิตให้เป็น 220 ล้านเหรียญสหรัฐ จากปัจจุบ้นที่ 180 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเพิ่มเครื่องจักรใหม่จำนวน 5 ตัว จำนวนเงิน 200 ล้านบาท เพื่อทดแทนเครื่องจักรเก่าไปใช้ในโรงงานแห่งที่ 3
*ยอมรับราคาหุ้นร่วงจากกองทุน H&Q ขายผ่านในกระดานเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง
นายโพธิ์ กล่าวยอมรับว่า ราคาหุ้น SVI ที่ผ่านมาได้ปรับตัวลดลง น่าจะมาจากการที่กองทุน H&Q ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ทยอยขายออกมาในกระดาน เพื่อลดสัดส่วนเหลือ 50% ตามข้อตกลง ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนถือหุ้นอยู่ที่ 60% จากเดิม 75% เพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับการซื้อขายหุ้น SVI ในตลาดหลักทรัพย์
"หลังจากนี้ การขายหุ้น SVI ของ H&Q คงจะยาก เพราะได้ทยอยขายออกมามากแล้ว ซึ่งหากจะขายให้ออกไปอีกให้ลดเหลือ50% ในสิ้นปีนี้ การที่จะขายจำนวนเยอะคงต้องขายให้เป็นบิ๊กล็อตมากกว่า และหากขายในลักษณะนี้ก็จะไม่กระทบกับราคาหุ้น" นายโพธิ์กล่าว
และในอนาคต กองทุน H&Q ก็จะทยอยขายหุ้น SVI อีกโดยคาดว่าอย่างเร็วสิ้นปีหน้าจะสามารถลดสัดส่วนหุ้นได้ตามนโยบาย
ราคาหุ้น SVI ปิดตลาดที่ 1.42 บาท ลดลง 0.03 บาท (-2.07%) และในช่วง 6 เดือนย้อนหลังราคาหุ้น SVI ปรับตัวลงไปต่ำสุดที่ระดับราคา 1.23 บาท และปริมาณซื้อขายหนาแน่นกว่าปกติ
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/เสาวลักษณ์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--